พระราชวังเอลแฮม Eltham Palace and Garden

พระราชวังและสวน เอลแฮม (Eltham Palace and Garden) สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และศิลปะที่โดดเด่นแห่งหนึ่งประจำกรุง London ประเทศอังกฤษ ซึ่งตั้งอยู่ในเขต Eltham ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงลอนดอน มีการออกแบบและตกแต่งตามแนวทางศิลปะแบบ Art Deco ที่โด่งดังในด้านความหรูหราและความสมบูรณ์ ตั้งแต่ก่อนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ผสมผสานเข้ากับศิลปะแบบ English Gothic ของยุคกลาง ทำให้พระราชวังแห่งนี้ถูกกล่าวขานในฐานะเพชรยอดมงกุฎของการออกแบบสมัยใหม่ และในปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิ English Heritage อันแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของโบราณแห่งนี้ได้อย่างเด่นชัด นอกจากนี้ในพื้นที่ของพระราชวังยังดำรงไว้ด้วยสวนขนาดใหญ่ที่ได้รับการออกแบบโดยนักออกแบบดีกรีรางวัล Award Winning garden designer อย่างอิสซาเบล ฟาน โกรนิงเกน (Isabelle Van Groeningen) ซึ่งถือเป็นไฮไลท์หนึ่งสำหรับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมพระราชวังแห่งนี้อีกด้วย

ตามประวัติศาสตร์ของพระราชวัง Eltham palace  แห่งนี้นั้น ได้ถูกบันทึกไว้ว่า เดิมพระราชวังแห่งนี้ได้ถูกนำถวายแก่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 (Edward II) โดยบิชอปแห่งเดอแรม (Durham) นามว่าแอนโทนี่ เบ็ค (Anthony Bek) ในปีค.ศ.1305 ในฐานะที่พำนักหลวงซึ่งถูกใช้มาเป็นเวลากว่า 200 ปี โดยกินเวลาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 จนถึง ศตวรรษที่ 16 นอกจากนี้พระราชวัง Eltham ยังเป็นที่ประทับที่พระเจ้าเฮนรี่ที่ 4 (Henry IV) ทรงโปรดปรานเป็นอย่างมาก และได้ถูกใช้เป็นที่รับรองจักรพรรดิมานูเอล พาลาอิโอโลกอส (Manuel II Palaiologos) แห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine) ซึ่งเป็นจักรพรรดิเพียงองค์เดียวของไบแซนไทน์ที่ได้เสด็จเยือนอังกฤษ ในปีค.ศ.1400 โดยที่ในครั้งนั้นได้มีการจัดการแข่งขันต่อสู้บนหลังม้าของอัศวินเพื่อเป็นเกียรติแก่จักรพรรดิมานูเอล พาลาอิโอโลกอส อีกด้วย โดยในปัจจุบันสนามที่ใช้การแข่งขันประลองยังคงมีอยู่ให้เห็นจนทุกวันนี้ ต่อมาในปีค.ศ.1470 นั้นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 (Edward IV) ได้ดำริให้มีการสร้างโถงเอก (Great Hall) ขึ้นและออกแบบตัวโถงตามแนวสถาปัตยกรรมแบบ English Gothic โดยจะมีจุดสังเกตุอยู่คือลักษณะหลังคาที่สร้างขึ้นแบบ Hammerbeam roof และตัวโถงที่มีลักษณะโปร่งสูง หลังจากที่พระราชวังเดิมแห่งนี้ได้ธำรงมาเป็นระยะเวลาถึง 2 ศตวรรษ ก็ได้ถึงคราวล่มสลาย ในยุคที่เกิดเหตุการณ์สงครามกลางเมืองอังกฤษที่เป็นการรบพุ่งกันของรัฐสภา และ ราชสำนัก เมื่อพันเอกนาธาเนียล ริช (Nathaniel Rich) หรือ Rich the rebel ได้ทำลายพระราชวังลงและได้ซื้อพระราชวังแห่งนี้และพื้นที่ใกล้เคียงเอาไว้ ก่อนจะเปลี่ยนมือมาเป็นของเซอร์ จอห์น ชอว์ (Sir John Shaw) และได้ทำการสร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นในปี 1930 ก่อนที่ในปีค.ศ. 1933 สตีเฟน คอร์ทเตาด์ (Stephen Courtauld) และภรรยาได้บูรณะโถงเอกกลับมางดงามอีกครั้ง ซึ่งทำให้โถงเอกแห่งนี้กลายเป็นโถงเอกที่มีหลังคาแบบ Hammerbeam ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสามของประเทศอังกฤษ และได้สั่งให้ดีไซเนอร์ชาวสวีเดนที่ชื่อว่ารอล์ฟ เอนสตอร์มเมอร์ (Rolf Engstromer) สร้างโถงทางเข้าเพื่อเชื่อมกับโถงเอกตามแบบสถาปัตยกรรม Art Deco ที่เป็นศิลปะที่เกิดขึ้นจากการผสมผสานแนวคิดของลัทธิที่แตกต่างหลากหลายไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Neo-Classicism, Constructivism, Cubism, Modernism, Art Nuvo และ Futurism โดยสามารถอธิบายแบบง่ายๆ คือ เป็นศิลปะที่เน้นโครงสร้างและการออกแบบ โดยใช้รูปทรงที่ทันสมัยควบคู่ไปกับความหรูหราที่มีความสมบูรณ์แบบในมุมมองมิติต่างๆ และที่สำคัญต้องมีคุณค่าในด้านอรรถประโยชน์ของสิ่งปลูกสร้างอีกด้วยนั่นเอง ขึ้น ก่อนที่ในปี ค.ศ.1995 มูลนิธิ English Heritage ได้เข้ามาจัดการบูรณะและถือครองพระราชวัง Eltham และ สวนใหม่ พร้อมกับเปิดให้เข้าชมได้ในเวลาต่อมานั่นเอง

นอกจากส่วนของตัวอาคารแล้วจุดเด่นอีกจุดหนึ่งของทางพระราชวัง Eltham แห่งนี้ ก็คือ สวนแห่ง Eltham ที่มีพื้นที่ถึง 19 เอเคอร์ที่ถูกออกแบบมาตามแนวคิดของศิลปะแบบนีโอคลาสสิค นอกจากนี้ยังมีสะพานหินที่ถือว่าเก่าแก่ที่สุดในอังกฤษเป็นตัวชูโรง อีกทั้งในสวนแห่งนี้ยังมีการปลูกดอกไม้ที่เหมาะสมในแต่ละฤดูกาล ทำให้ผู้เข้าชมสามารถชมได้ในทุกฤดูกาล และในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงนี้นั้น ทาง Eltham palace and gardens ยังมีการจัดนิทรรศการ Enchanted Eltham palace ที่เป็นการแสดงเสียงสีอันงดงาม เพื่อให้ผู้เข้าชมได้เฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสไปพร้อมกับแสงสีที่อลังการ ทรงคุณค่าและงดงามอย่างมากอีกด้วย ซึ่งกำหนดการของนิทรรศการดังกล่าวนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคม จนถึง 23 ธันวาคมนี้ และทั้งหมดนี้นั้นทำให้การเข้าชม Eltham palace and garden แห่งนี้ ถือเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าอย่างมาก เพราะนี่คือสวรรค์ของนักท่องเที่ยวทุกแนวในดินแดนที่ทรงมนต์ขลังอย่างประเทศอังกฤษที่ยังคงมีชีวิตอยู่จนปัจจุบัน