แนะนำ โรงแรมที่พัก ไทเป ไต้หวัน อัพเดตล่าสุด

รวมข้อมูลวิธีการเดินทางทุกแบบในกรุงปารีส


ปัจจุบันการท่องเที่ยวด้วยตัวเองกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากสามารถไปยังสถานที่ชื่นชอบได้แบบจุใจไม่ต้องรอใครหรือไปได้แป๊บๆก็ต้องกลับ แต่นอกจากจะต้องเสาะหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวแล้วนั้น การเดินทางก็ถือเป็นหัวใจหลักที่จะทำให้ทริปเป็นไปตามแพลนอย่างราบรื่น การได้รู้จักเกี่ยวกับรูปแบบการขนส่งสาธารณะหลักๆของปารีสจึงเป็นอะไรที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งการเดินทางในปารีสไม่ยากอย่างที่หลายๆคนคิดแถมยังมีให้เลือกหลายแบบให้เหมาะสมกับสไตล์ตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า รถประจำทาง แม้กระทั่งแท็กซี่เรียกได้ว่าสะดวกแบบครบครัน

 

1. Paris Metropolitan (Metro)

Photo by Cramos from commons.wikimedia.org/wiki/File:Odéon_10_(métro_Paris)_MF67_%26_convoi_d%27Auteuil_par_Cramos.JPG [CC by-sa 3.0]

รถไฟใต้ดิน หรือที่นิยมเรียกสั้นๆว่า Metro ถือได้ว่าเป็นระบบขนส่งสาธารณะหลักที่นิยมมากที่สุดในการเดินทางในปารีส ซึ่งรูปแบบการเดินทางนี้สามารถเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยงหรือแหล่งช็อปปิ้งฮิตๆได้ง่านที่สุด อีกทั้งยังเป็นวิธีการเดินทางที่ทั้งสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องมากังวลไปกับช่วงชั่วโมงเร่งด่วน คลอบคลุมภายในโซนตัวเมือง 1-2 เท่านั้น ในส่วนด้านอัตราค่าโดยสารจะอยู่ที่ 1.8 ยูโร (ประมาณ 70 บาท) ตลอดทั้งสาย มีเส้นทางทั้งหมด 16 สาย การซื้อตั๋วก็สามารถซื้อได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋วหรือตู้ขายตั๋วอัตโนมัติที่จะตั้งอยู่ด้านหน้าของสถานีรถไฟ ส่วนวิธีการใช้งานก็เหมือนๆในไทย บัตรโดยสารมาตรฐานTicket T+นั้นจะสามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียวแต่ครบคลุมทั้งรถไฟ RER รถบัสประจำทาง และรถราง แถมมีแพ็คเก็จสุดคุ้มนั่นคือสมุดตั๋วแบบเล่มจำนวน 10 ใบ ราคา 14.9 ยูโร (ประมาณ 578 บาท) ที่ช่วยประหยัดได้เกือบๆสองร้อยบาทเลยทีเดียว ตั๋วอีกแบบหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมเลือกใช้เพราะคุ้มแบบสุดๆก็คือ Day Pass ที่ขึ้นได้แบบไม่จำกัดภายในหนึ่งวันและแบบหลายวัน

 

 

2. Regional Express Network (RER)

Photo by Ed Webster from commons.wikimedia.org/wiki/File:Paris_Metro_Pont_de_Bir-Hakeim_Bridge.jpg [CC by-sa 3.0]

รถไฟที่เรียกติดปากกันว่า RER ที่เน้นการเดินทางจากใจกลางเมืองตั้งแต่โซน 3 – 5 ไปยังบริเวณชานเมืองทั้งหลาย จุดสังเกตที่เห็นเด่นชัดถึงความแตกต่างจากรถไฟใต้ดินนั่นคือสายที่ใช้ตัวอักษรแบ่งเป็น 5 สายหลัก ได้แก่  A, B, C, D และ E  ราคาของตั๋วจะขึ้นอยู่กับระยะทางต้นทางถึงปลายทาง เริ่มต้นตั้งแต่ 1.8 ยูโร (ประมาณ 70 บาท)ไปจนถึง 11 ยูโร (ประมาณ 427 บาท) สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับการเดินทางด้วยรถไฟ RER คือ สาย A- Disneyland Paris  สาย B- CDG airport  สาย C – Palace of Versailles  การซื้อตั๋วก็สามารถซื้อได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋วหรือตู้ขายตั๋วอัตโนมัติเหมือนๆกับรถไฟใต้ดิน ในส่วนรูปแบบของตั๋วก็มีทั้งแบบเที่ยวเดียวหรือแบบ Pass ที่ขึ้นแบบไม่จำกัดตามจำวันวันที่กำหนดของบัตร

 

 

3. Paris Tram

Photo by David Monniaux from commons.wikimedia.org/wiki/File:Paris_tramway_T3_p1140675.jpg [CC by-sa 3.0]

รถรางถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางที่ดีไม่แพ้รถไฟ โดยเฉพาะในหมู่นักท่องเที่ยวที่ต้องการเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ของเมืองไประหว่างการเดินทาง จะมีเส้นทางหลักๆด้วยกัน 3 สาย ซึ่งจะสามารถเชื่อมต่อกันทั้งหมด สามารถซื้อตั๋วได้ที่เครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ BUS TRAM METRO และ RER ที่จะตั้งอยู่ตามสถานีรถไฟใต้ดิน METRO และสถานีรถไฟ RER ส่วนตั๋วโดยสารก็จะมีทั้ง Ticket T+ แบบเที่ยวเดียว ราคา 1.8 ยูโร (ประมาณ 70 บาท) แต่ส่วนมากจะนิยมซื้อ Paris Visite Pass เพราะคุ้มกว่า ประหยัดกว่า และยังใช้ได้ได้ทุกระบบขนส่งหลัก แบ่งตามจำนวนวัน ได้แก่  1 2 3 หรือ 5 วัน

 

 

4. Bus

Photo by Mariordo (Mario Roberto Durán Ortiz) from commons.wikimedia.org/wiki/File:Paris_06_2012_hybrid_taxi_3247.JPG [CC by-sa 3.0]

รถประจำทางนับเป็นวิธีการเดินทางทีได้รับความนิยมรองลงมาจากรถไฟ เนื่องจากสามารถเข้าถึงสถานทีท่องเที่ยวได้หลากหลาย ราคายังไม่แพงมากนัก มีบริการทั่วถึงทั้งภายในใจกลางเมืองรวมถึงบริเวณรอบๆปารีส แถมยังไม่ต้องสับสนงงงวยไปกับเส้นทางสายต่างๆอย่างรถไฟ เพียงแต่อาจใช้เวลาเดินทางนานกว่ารถไฟอยู่บ้าง ยกตัวอย่าง รถประจำทาง Roissy Bus ที่มีบริการรับส่งจากสถานบินชาร์ลส์เดอโกลไปยังใจกลางเมืองปารีส อัตราค่าโดยสารจะอยู่ที่ราคา 8.40 ยูโร(ประมาณ 326 บาท) ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถซื้อตั๋วได้เมื่อขึ้นไปยังรถประจำทาง ถ้ามีแพลนเดินทางเยอะๆก็สามารถเลือกซื้อ Pass ต่างๆอย่าง Paris Visite  Pass หรือ One Day Pass ก็คุ้ม

 

 

5. Taxi

Photo by Mariordo (Mario Roberto Durán Ortiz) from commons.wikimedia.org/wiki/File:Paris_06_2012_hybrid_taxi_3247.JPG [CC by-sa 3.0]

แท็กซี่น่าจะเป็นคำตอบของคนที่ต้องการความรวดเร็วหรือกลัวจะหลงทาง เพียงแต่อาจจะต้องมองหากันนานและต้องระวังแท็กซี่เถื่อนอยู่บ้าง แท็กซี่ที่มีใบอนุญาตถูกต้องมีข้อสังเกตอย่าง ต้องมีป้าย Taxi Parisien ด้านบนหลังคา ใบอนุญาตขับรถที่จะต้องแปะโชว์ให้เห็นด้านข้างขวา และที่เป็นมาตรฐานเหมือนกันทั่วโลกก็คือมีมิตเตอร์ อัตราค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 2.20 ยูโร(ประมาณ 85 บาท) มีขั้นต่ำในการโดยสารแต่ละครั้งอยู่ที่ 6.10 ยูโร (ประมาณ 237 บาท ) อีกทั้งยังมีการจำกัดจำนวนผู้โดยสารไม่เกิน 3 คน หากเกินมา 1 คนจะต้องจ่ายเพิ่มอีก 2.95 ยูโร (ประมาณ 114 บาท) ที่สำคัญการเรียกแท็กซี่นั้นต้องเรียกที่ป้าย taxi stand เท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะไม่มีแท็กซี่จอดเด็ดขาดเพราะถือว่าผิดกฎหมาย

 

 

6. Bike

Photo by Rcsmit from commons.wikimedia.org/wiki/File:Velibvelo1.jpg [CC by-sa 3.0]

การเดินทางท่องเที่ยวด้วยจักรยานกำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะมีอิสระการเดินทางสูงแถมคล่องตัวแบบสุดๆ แถมปัจจุบันยังเส้นทางจักรยานให้ท่องเที่ยวได้แบบชิลๆ ที่ดังๆก็คือบริการเช่าจักรยาน VEILB ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในปารีส โดยจะมีจุดให้เช่าที่บริเวณสวนสาธารณะของปารีสมากกว่า 100 แห่ง การเช่าก็ไม่ยากเพราะมีเครื่องเช่าจักรยานแบบอัตโนมัติพร้อมวิธีการที่มีภาษาอังกฤษให้เลือกด้วย ราคาจะขึ้นอยู่ระยะเวลาในการเช่าเป็นหลักเริ่มต้นที่ 1.70 ยูโร (ประมาณ 66 บาท) มีเงินมัดจำอีก 150 ยูโร (ประมาณ 5,823 บาท) และจะได้รับคืนภายหลังเอาจักรยานมาคืน

 

 

7. เรือ Batobus

Photo: Douglas O’Brien [CC BY-sa 2.0] from commons.wikimedia.org/wiki/File:Bateau_Mouche_and_Pont_Royal,_Paris_12_June_2015.jpg

การล่องเรือไปตามแม่น้ำแซน(Seine)เป็นวิธีการชมเมืองปารีสที่ได้รับความนิยมสุดๆแถมยังมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก การล่องเรือที่ว่านี้ไม่ได้เชิงการขนส่งแบบสาธารณะแต่เน้นไปที่เชิงการท่องเที่ยวมากกว่า ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการท่องเที่ยวชมปารีสที่มีเอกลักษณ์มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร แรกเริ่มเดิมทีมาจากย่านหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองลียงที่ชื่อว่า ลา มูช (La Mouche) ที่ได้สร้างเรือขึ้นมาเพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานนิทรรศการภายในเมืองได้มีโอกาสชมเมืองด้วยการล่องเรือบนแม่น้ำแซนน์ หากภายหลังกลับได้รับความนิยมจนกลายมาเป็นอีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนยังปารีส โดยจะมีจุดแวะให้ได้ชมสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของปารีสด้วยกัน 8 แห่ง ได้แก่

  • หอไอเฟล (Eiffel Tower)
  • พิพิธภัณฑ์ออร์แซ (Musée d’Orsay)
  • แฌร์แม็ง เดส์ เพร (Germain-des-Prés)
  • สวนพฤกษศาสตร์แห่งปารีส (Jardin des Plantes)
  • มหาวิหารน็อทร์-ดาม (Notre-Dame)
  • ออแตลเดอวีล (Hôtel de Ville)
  • ช็องเซลีเซ (Champs-Elysées)
  • พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musée du Louvre)

ตั๋วสามารถหาซื้อได้ที่ท่าเรือที่อยู่ตรงข้างหอไอเฟลใกล้ๆกับสถานีรถไฟ Alma Marceau สำหรับอัตราค่าเดินทางแบบชมวิวธรรมดาผู้ใหญ่อายุ 16 ปีขึ้นไป ราคา 13.5 ยูโร (ประมาณ 520 บาท) เด็กอายุ 3 – 15 ปี ราคา 6 ยูโร (ประมาณ 231 บาท) โดยจะเรือบริการทุกๆ 25 -40 นาที เริ่มตั้งแต่เวลา 10:00 -17:00 น. ระยะเวลาการปิดทำการขึ้นอยู่กับแต่ละช่วงเวลาเพราะบางฤดูก็จะปิดทำการเวลา 19:00 น. หรือ 21:30 น

 

 

8. รถไฟความเร็วสูง Train à grande vitesse (TGV)

Photo: CellarDoor85 [CC BY-sa 3.0] from commons.wikimedia.org/wiki/File:TGV-ICE_ParisEst.jpg

บริการรถไฟความเร็วสูงระหว่างเมืองที่เรียกสั้นๆว่า TGV เป็นการเดินทางที่ทั้งสะดวกและรวดเร็วสำหรับการเดินทางจากปารีสไปยังเมืองต่างๆ รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตทั่วทั้งฝรั่งเศสมากกว่า 1,400 แห่ง ภายนอกถูกออกแบบด้วยดีไซน์ล้ำสมัยจากนักออกแบบชื่อดังของฝรั่งเศสนามว่า Christian Lacroix ภายในยังมีดีไม่แพ้กันด้วยการตกแต่งที่ทั้งดูหรูหรามีระดับและยังตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างทรงประสิทธิภาพ มีให้เลือกทั้งแบบชั้น 1 และ 2 ไม่ต้องกลัวว่าเดินทางนานๆจะเมื่อยเพราะเก้าอี้สามารถปรับระดับการนั่งเป็นเอนนอนได้แบบสบายสุดๆ แถมด้วยบริการฟรี Wi-Fi ให้ทุกการเดินทางไม่มีเบื่อ ที่สำคัญคือเป็นการย่นระยะเวลาการเดินทางจากปกติได้มากทีเดียว การซื้อตั๋วก็ไม่ยุ่งยากอย่างที่หลายๆคนคิด เพราะมารถซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ http://en.voyages-sncf.com/en/  แล้วปริ้นเป็น E-ticket เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วใช้คู่กับ Passport ได้เลย โดยในตัวตั๋วรถไฟจะมีการระบุตู้ขบวนและหมายเลขที่นั่งไว้พร้อมสรรพ มีทั้งแบบตั๋วเที่ยวเดียวหรือแบบไปกลับ หรือถ้ามีการการเดินทางหลายครั้งอาจซื้อบัตร Eurail France Pass ที่คลอบคลุมการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง TGV ทั่วยุโรปแบบไม่จำกัดระยะทาง มีให้เลือกหลายแพ็คเก็จ สามารถซื้อผ่านทางเว็บไซต์ https://www.eurail.com/en    ราคาเริ่มต้นที่  49 ยูโร (ประมาณ 1,887 บาท)