รีวิว เที่ยวเวียงจันทน์วันเดียว

รีวิวเที่ยวเวียงจันทน์วันเดียว

บทความนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ที่ไปเยือนเมืองเวียงจันทน์มาเมื่อต้นเดือนกันยายน ปี 58 ด้วยสภาวะของอารมณ์และหัวใจที่ว้าวุ่นในช่วงนั้น คืออยากอยู่คนเดียวอยากไปเที่ยวคนเดียว สับสนอลหม่านกับความรักเลยอยากพาตัวและหัวใจออกไปท่องในโลกกว้างให้หัวใจหายว้าวุ่นซักกะหน่อย คิดไปคิดมาไปเที่ยว ต่างประเทศดีกว่า ไปที่ไม่ไกลบ้านมาก เมื่อคิดได้ก็วางแพลนและจัดของเตรียมกล้องกระเป๋าเป้ใบเดียวพอ ไปต่างประเทศกัน ลาวนี่แหละใกล้สุด ^8^

เมื่อถึงวันศุกร์ก็บอกคุณแม่ว่าเสาร์อาทิตย์นี้จะไปต่างประเทศไปพักใจคุณแม่ตกลงไม่ว่ากระไร ทริปนี้กะจะไปไหว้พระให้จิตใจสงบนิ่งสักหน่อย ไปเช้าเย็นกลับก็ได้ เช้าวันเสาร์ ออกเดินทางจากบ้าน อุดรธานี ระยะทางจากบ้านไปถึงหนองคาย ด่าน ตม ฝั่งไทย 45 กิโลเมตร พอไปถึงหน้าด่านก็หาที่ฝากรถก่อนนะคะ หรือจะฝากไว้แถวหลังธาคารกรุงไทยก็ได้ค่ะ ถ้าไม่ค้างคืนก็ไม่แพง 50 บาทค่ะ ส่วนถ้าฝากรถค้างคืนก็จะอีกราคาหนึ่งนะคะ แล้วแต่ว่าเราจะไปกี่วัน เขาจะดูแลรถให้เราเป็นอย่างดีเลยค่ะล่ะ และอย่าลืมเตรียมเอกสารเพื่อทำหนังสือผ่านแดนให้เรียบร้อยนะคะ คือบัตรประชาชนตัวจริงพร้อมรูปถ่าย ถ้าไม่มีรูปถ่ายที่หน้าด่านมีรับถ่ายรูปไว้บริการด้วยจ้า

ค่าธรรมเนียมที่ต้องเสียตรงด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งไทย 10 บาท ฝั่งลาว 50 บาทค่ะ จันทร์ถึงศุกร์นะคะ ส่วนเสาร์อาทิตย์ ค่าผ่านด่านจะเป็น 70 บาทค่ารถเมล์ข้ามฝั่งไปลงด่านที่ลาว คนละ 15 บาทจ้า

เมื่อถึงด่านฝั่งเวียงจันทน์ เราสามารถเหมารถเที่ยวได้นะคะ เป็นรถตู้เล็กๆ (Hyundai) นั่งได้ 7คน วันนั้นเสียค่าเหมารถไป 1,000 บาทค่ะ สถานที่แรกที่ไปเยือนคือ ประตูชัย หรือประตูไช มาถึงประมาน 09.40 น

 

ประตูไซ

ประตูไซ

แดดร้อนมากๆเดินเที่ยวแบบเหงื่อท่วมกันเลยทีเดียว ที่นี่ถือเป็นแลนมาร์คของเวียงจันทน์เชียวนะคะ คนเยอะพอสมควรทั้งที่ไม่ใช่หน้าเทศกาล หรืออาจจะเป็นเพราะตรงกับวันเสาร์ก็ได้ ประตูไซ สร้างเลียนแบบ L’Arc De Triomphe ของฝรั่งเศล สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้กับประชาชนที่ต่อสู้และเสียสละชีวิต ในสงครามก่อนการปฏิวัติพรรคคอมมิวนิสต์ ในปี 2512 ที่นี่เขาจะมีบริการถ่ายรูปให้นักท่องเที่ยวด้วยนะคะ รูปละ 80 บาทแต่ แบกกล้องไปถ่ายเองดีกว่าโน๊ะ และถ้าใครอยากจะถ่ายภาพมุมบน ของประตูไซที่ขึ้นไปได้นะ แต่ต้องซื้อตั๋วขึ้นไปด้วยค่ะ คนละ 3000 กีบ หรือเท่ากับ 13 บาทไทยจ้า ภายในก็จะมีที่ขายของระลึกด้วยนะคะ แต่ไม่ได้ขึ้นนะคะเลยไม่มีภาพมาฝาก

จากนั้นก็จะไปไหว้พระที่วัดสีสะเกด เสียค่าเข้าวัด 5,000 กีบ หรือประมาณ 20 บาทค่ะ บริเวณทางเข้าวัดมีตู้ขายน้ำจากไทยขายด้วยนะคะ แล้ววันนั้นี่ไปก็อากาศร้อนมากๆ เลยซื้อน้ำชาเขียวอิชิตัน กินสักหน่อย พอทราบราคาเท่านั้นแหละ แทบอยากจะกลับไปกินอิชิตันที่บ้านเรากันเลยทีเดียว ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้น แม่ค้าบอก 9,111 กีบ ก็เท่ากับ 40 บาทเงินไทยเห็นจะได้!! +o+ ภายในวัดก็จะมีทางเดินรอบๆ มีพระพุทธรูปเก่าๆในปางต่างๆด้วยค่ะ วัดมีความสวยงามมาก และห้ามใส่กางเกงขาสั้นเข้าไปด้วยนะคะจะมีผ้าถุงใว้คอยบริการอยู่ด้านหน้าประตูค่ะ

 

วัดสีสะเกด

วัดสีสะเกด

วัดสีสะเกด

วัดสีสะเกด

หิวข้าวแล้ว หาอะไรทานดีกว่า ให้พี่คนขับรถพาไปหาข้าวกินริมฝั่งแม่น้ำโขง แต่จำชื่อร้านไม่ได้ กินข้าวมื้อละ 100000 ค่ะ แสนกีบ อิอิ สั่งอาหารไปก็มีปลาเผา ต้มยำกุ้งหม้อไฟ จิ้มจุ่ม 1 เตา กุ้งเผา 1 จาน และเครื่องดื่มนิดๆหน่อยๆ เช็คบิลมา 569000 กีบ หรือเงินไทยก็ประมาณ 2498 บาท ราคานี้ถือว่าแพงนะคะ ถ้ากินที่บ้านเรา คงจะประมาณ พันต้นๆ

ที่นี่ลาวรับทั้งเงินไทยและเงินกีบนะคะ คนลาวเขาบวกลบค่าเงินบาทของไทยกับลาวได้ค่ะ เมื่ออิ่มแล้วก็ไปต่อกันอีกที่หนึ่งนะคะ คือวัดพระธาตุหลวง

 

วัดพระธาตุหลวง

วัดพระธาตุหลวง

พระธาตุหลวง หรือพระเจดีย์โลกะจุฬามณี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.238 ถือเป็นปูชนียสถานที่สำคัญขงเวียงจันทน์ เป็นศูนย์รวมใจของประชาชนชาวลาวทั่วประเทศ ผู้สร้างคือ บุรีจันอ้วยล้วย หรือพระเจ้าจันทบุรีประสิทธิศักดิ์ เจ้าเหนือหัวผู้ครองนครหลวงเวียงจันทน์พระองค์แรกพร้อมกับพระอรหันต์ทั้ง 5 พระองค์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนหัวเหน่า 27 พระองค์ ได้อัญเชิญมาจากเมืองราชคฤห์ ประเทศอินเดีย โดยก่อเป็นอุโมงค์หินคร่อมไว้ อุโมงค์กว้างด้านละ 5 วา ผนังหนา 2 วา และสูง 4 วา 3 ศอก และเมื่อได้กระทำการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ แล้ว พระเจ้าจันทบุรีจึงได้มีพระราชดำรัส ให้เสนาอำมาตย์สร้างวิหารขึ้น ในเมืองจันทบุรีหรือนครหลวงเวียงจันทน์ 5 หลัง เพื่อเป็นที่อยู่ จำพรรษาของ พระอรหันต์ทั้ง 5 องค์นั้นด้วย และถ้าจะเข้าชมภายในบริเวณพระธาตุหลวง ก็จะเสียค่าประตู คนละ 20 บาท หรือ 5,000 กีบค่ะจ้า และที่หน้าพระธาตุหลวงก็มีร้านขายของฝากและของที่ระลึกมากมายด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อสกรีนภาษาลาว ผ้าซิ่นลาว ซึ่งสวยมากๆ เครื่องเงิน กระเป๋า ราคาไม่แพง สามารถต่อรองกันได้ ภาษาท้องถิ่นเขาก็คล้ายๆภาษาอีสานค่ะ จึงง่ายต่อการสื่อสารกัน

 

ของที่ระลึกหน้าพระธาตุหลวง

ของที่ระลึกหน้าพระธาตุหลวง

ของที่ระลึกหน้าพระธาตุหลวง

ของที่ระลึกหน้าพระธาตุหลวง

เมื่อถึงเวลาบ่ายคล้อยๆจึงชวนครอบครัวเดินทางกลับเพราะแดดร้อนมากๆ (เพลียแดด เอ๊ะหรือเพลียหัวใจกันนะ ฮาๆๆๆ) แต่ถ้าจะเที่ยวให้ทั่วและรอบเมืองต้องไปค้างคืนนะคะเพราะที่เวียงจันทน์มีวัดวาอารามที่เป็นอารายธรรมเก่าๆเยอะมากค่ะ ราคาอาหารก็ไม่แพงไม่ต่างจากบ้านเราเท่าใดนัก จบทริปเวียงจันทน์วันเดียวใช้เงิน 6,000 กว่าบาทเงินไทยเห็นจะได้ค่ะ รวมค่าอาหารค่ารถและค่าเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้วนะคะถ้าไปหลายคนวันเดียว หมดเงินไปประมารนี้ถือว่าถูกและคุ้มนะคะ ใครที่จะไปอย่าลืมศึกษาเส้นทางและข้อมูลตารางการเดินรถก่อนนะคะ แต่ถ้าหากจะพักค้างคืนควรศึกษาหาข้อมูลหรือจองที่พักไว้ก่อนจะดีมากๆจ้า