แนะนำ โรงแรมที่พัก ไทเป ไต้หวัน อัพเดตล่าสุด

เที่ยวปักกิ่ง จีน ช่วงไหนดี? อุณภูมิและสภาพอากาศปักกิ่งแต่ละฤดูเป็นยังไง มีอะไรห้ามพลาดบ้าง


อัพเดตล่าสุดเมื่อ 11 มกราคม 2567

 

กรุงปักกิ่ง(Beijing) เป็นเมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มีชื่อย่อว่า จิง ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของที่ราบหวาเป่ย์ ซึ่งกรุงปักกิ่งนั้นเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ และเป็นศูนย์กลางของประเทศ ทั้งด้านการปกครอง การศึกษา เศรษฐกิจ การขนส่ง วัฒนธรรมของจีน รวมถึงเป็นเมืองที่มีความเป็นมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทำให้ปักกิ่งเป็นเมืองที่มีทั้งประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ สืบทอดมรดกทางวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมในยุคโบราณ ไปจนถึงความเป็นนวัตกรรมสมัยใหม่ในยุคปัจจุบัน สามารถผสมผสานระหว่างความเก่าใหม่ได้อย่างลงตัว และนั่นทำให้กรุงปักกิ่งเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของโลก มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น กำแพงเมืองจีน จัตุรัสแห่งประวัติศาสตร์เทียนอันเหมิน สุสานหลวงราชวงศ์หมิง พระราชวังโบราณ ภูเขาเซียงซาน หอสักการะฟ้าเทียนถัน  และวังพักร้อนอี๋เหอหยวน เป็นต้น  

โดยในวันนี้นั้น เราจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักปักกิ่งในแบบเจาะลึก ว่านอกจากจะเป็นเมืองหลวงของประเทศที่ใหญ่ติดอันดับต้น ๆ ของโลกแล้ว กรุงปักกิ่งมีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง ไปเที่ยวปักกิ่ง จีน ช่วงไหนดี? อุณภูมิและสภาพอากาศปักกิ่งแต่ละฤดูเป็นยังไง มีอะไรห้ามพลาดบ้าง

 

 

การเดินทางไปเมืองปักกิ่ง(Beijing)  ประเทศจีน

การเดินทางจากประเทศไทยโดยเครื่องบินนั้น จะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง 30 นาที ส่วนสายการบินที่ตรงสู่กรุงปักกิ่งก็มีให้เลือกหลายสายการบิน ไม่ว่าจะเป็น การบินไทย ไทยแอร์เอเชีย บางกอกแอร์เวย์ส Thai VietJet Air Shandong Airlines Hainan Airlines และ Air China เป็นต้น

 

 

 

ฤดูกาลของเมืองปักกิ่ง ประเทศจีน

Photo from https://www.flickr.com/photos/26087974@N05/4432449256

สำหรับประเทศจีน และกรุงปักกิ่งนั้นจะมีฤดูกาลทั้งหมด 4 ฤดู ได้แก่ ฤดูหนาว ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูใบไม้ผลิ โดยแต่ละช่วงฤดูกาลจะมีรายละเอียดดังนี้

  • ฤดูหนาว เริ่มต้นประมาณเดือน พฤศจิกายน มีนาคม ของทุกปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่านี้จนติดลบในบางพื้นที่ และยังมีลมแรง หิมะตก ซึ่งช่วงที่หนาวสุดจะอยู่ประมาณเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ โดยสภาพอากาศในฤดูหนาวทางภาคเหนือบริเวณพื้นที่เหนือกำแพงเมืองจีนถึงเขตมองโกเลียในจะมีอุณหภูมิติดลบถึง 40 องศาเซลเซียส
  • ฤดูร้อน เริ่มต้นประมาณเดือน พฤษภาคม สิงหาคม ของทุกปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 22 องศาเซลเซียส อาจสูงสุดถึง 40 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ยังมีฝนตกบ่อย ตกหนัก และมีพายุใต้ฝุ่นในช่วงประมาณกรกฎาคมของทุกปี  
  • ฤดูใบไม้ร่วง เริ่มต้นประมาณเดือน กันยายน ตุลาคม ของทุกปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 10 – 22 องศาเซลเซียส มีฝนตกบ้างแต่น้อยลง
  • ฤดูใบไม้ผลิ เริ่มต้นประมาณเดือน มีนาคม พฤษภาคม ของทุกปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 10 – 22 องศาเซลเซียส ซึ่งฤดูนี้อาจมีพายุทรายจากทางตอนเหนือเข้ามายังกรุงปักกิ่ง โดยทั่วไปจะเข้ามาราวเดือนเมษายนของทุกปี 

 

 

 

การท่องเที่ยวในแต่ละฤดูของปักกิ่งมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร

Photo from https://www.flickr.com/photos/philiplarson/3180519392

ท่องเที่ยวในฤดูหนาว อากาศที่กรุงปักกิ่งจะหนาว และมีลมแรงมาก จึงไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก ซึ่งฤดูหนาวถือว่าเป็นช่วงโลว์ซีซันของปักกิ่ง บางสถานที่ท่องเที่ยวไม่เปิดให้เข้าชม หากต้องการไปท่องเที่ยวในช่วงนี้ ควรศึกษาข้อมูลของแต่ละสถานที่ว่าเปิดให้เข้าชมหรือไม่ แต่ข้อดีของฤดูนี้สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสหิมะ หรือความหนาวเหน็บนั้น ถ้ามาเที่ยวในช่วงนี้รับรองว่าได้สัมผัสความหนาวเย็นแบบจัดเต็มแน่นอน แถมราคาที่พัก ราคาตั๋วเครื่องบิน และค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ก็จะลดราคา และถูกลงอีกด้วย 

ท่องเที่ยวในฤดูร้อน อากาศของกรุงปักกิ่งจะร้อน จนถึงขั้นร้อนมาก แบบทะลุ 40 องศาเซลเซียส แต่ข้อดีคือยังพอมีความสวยงามจากดอกไม้เมืองร้อนอยู่บ้าง เช่น ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ตามเขตนอกเมือง ส่วนข้อเสียนั้น นอกจากจะร้อนแล้ว อากาศก็ยังแห้งอีกด้วย ทำให้กระหายน้ำบ่อย จึงควรมีน้ำไว้จิบตลอดเวลา และอาจเจอฝนตกหนัก รวมถึงพายุใต้ฝุ่นในช่วงประมาณเดือนกรกฎาคมจนถึงกันยายนของทุกปี 

ท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ร่วง ถือว่าเป็นช่วงไฮท์ซีซั่นของการท่องเที่ยวกรุงปักกิ่ง เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการท่องเที่ยวมากที่สุด เพราะอากาศกำลังเย็นสบาย ไม่หนาวหรือร้อนจนเกินไป อีกทั้งเป็นช่วงที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีสัน ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ มีความสวยงามมากขึ้น หากเพื่อน ๆ ต้องการมาเที่ยวปักกิ่ง เราขอแนะนำให้มาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ 

ท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิ โดยช่วงฤดูนี้ยังสามารถพบกับดอกไม้ ผลไม้เมืองหนาว ที่ยังคงความสวยงามอยู่มากมาย  รวมถึงอากาศที่กำลังเย็นสบาย ทว่าค่าตั๋ว ค่าที่พัก ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ ก็ยังคงเป็นราคาเดิมจากช่วงไฮท์ซีซั่นอยู่ และอาจเจอกับฝนตกหนักบางช่วงเวลา และพายุทรายที่ทำให้ในอากาศเต็มไปด้วยฝุ่นละอองจากทรายที่ลมพัดพามา ทำให้เสียอรรถรสในการท่องเที่ยวไปบ้าง

โดยสรุปฤดูที่เหมาะกับการท่องเที่ยวกรุงปักกิ่งมากที่สุด คือ ฤดูใบไม้ร่วง ส่วนฤดูอื่น ๆ นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัย และความชื่นชอบส่วนบุคคล ซึ่งหากไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ก็อาจเจอกับฝนตกหนัก รวมถึงพายุใต้ฝุ่นในช่วงฤดูร้อน และเจอกับพายุทรายในฤดูใบไม้ผลิ 

อีกช่วงเวลาที่ควรหลีกเลี่ยงในการไปเที่ยวปักกิ่ง คือ ช่วงที่ตรงกับวันหยุดของจีน เพราะคนจะเยอะกว่าปกติ สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว อาจรอคิวนานจนหมดสนุก ซึ่งวันหยุดหลัก ๆ ของจีนนั้นจะมี 4 ช่วง คือช่วงเดือนมีนาคม – มิถุนายน เป็นวันเช็งเม้งจำนวน 3 วัน ซึ่งต้องคอยเช็คในแต่ละปีว่าเป็นวันที่เท่าไร เพราะไม่ตรงกันทุกปี ต่อมาคือช่วงวันที่ 1 – 3 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันแรงงานของจีน และวันหยุดบะจ่าง ประมาณเดือนพฤษภาคม หรือเดือนมิถุนายน ซึ่งแต่ละปีจะไม่ตรงกัน สุดท้ายคือวันชาติจีนในช่วงเดือนตุลาคม แต่ช่วงวันหยุดนี้ชาวจีนนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศ ทั้งประเทศในแถบเอเชีย ยุโรป อเมริกา ทว่าบางปีกลับนิยมท่องเที่ยวแค่ภายในประเทศ ซึ่งหากใครไปท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าวคงต้องวัดดวงว่าจะเจอกับคลื่นมหาชนชาวจีนหรือไม่ ซึ่งข้อเสียของการท่องเที่ยวในวันหยุด และทุกเทศกาลสำคัญคือราคาที่พัก อาหาร ข้าวของต่าง ๆ จะมีราคาแพงขึ้นเช่นกัน 

 

 

 

เทศกาลต่าง ๆ ของกรุงปักกิ่ง(Beijing) ที่ไม่ควรพลาด

Photo from https://pxhere.com/en/photo/1641899#google_vignette

วันตรุษจีน หรือปีใหม่จีน จะจัดประมาณปลายเดือนมกราคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งแต่ละปีจะไม่แน่นอน เพราะจะเปลี่ยนตามปฎิทินจีน ถือเป็นงานเฉลิมฉลองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน รวมถึงกรุงปักกิ่ง มีการจัดงานฉลองส่งท้ายปี ด้วยการตกแต่งเมือง และจัดภูมิทัศน์แต่ละสถานที่อย่างสวยงาม ประดับด้วยธงหลากสี โคมไฟต่าง ๆ และยังเปิดให้เข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในกรุงปักกิ่งฟรีอีกด้วย  

  เทศกาลแกะสลักโคมไฟน้ำแข็งหลงชิงเสีย ปักกิ่ง (Longqingxia Ice Lamps Artistic Festival) จัดขึ้นทุกปี ในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ โดยในงานจะเป็นการแสดงโชว์แกะสลักน้ำแข็งให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ เช่น รูปเจดีย์ รูปปราสาท สวนสนุก และสิ่งของต่าง ๆ ตามจินตนาการ มีการประดับประดาด้วยโคมไฟอย่างสวยงาม ตระการตา และยิ่งใหญ่ เป็นอีกงานที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวปักกิ่ง

Dragon Boat Festival หรือ เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง จัดขึ้นประมาณวันที่ 5 ของเดือน 5 ตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งจะตรงกับปลายเดือนพฤษภาคม หรือช่วงต้นเดือนมิถุนายนตามปฏิทินสุริยคติ (ปฏิทินสากล) ซึ่งวันดังกล่าวยังเป็นวันหยุดประจำปีของจีน เพื่อระลึกถึง Qu Yuan นักกวีและรัฐมนตรีของจีนในอดีต รวมถึงมีการแข่งเรือมังกร กินบ๊ะจ่าง และรวมตัวกันดื่มกินสังสรรค์ริมฝั่งแม่น้ำ และทะเลสาบ พร้อมทั้งรับชมการแข่งขันเรือมังกรในแบบดั้งเดิม 

เทศกาลหนังสือนานาชาติปักกิ่ง (The Beijing International Book Fair) เป็นเทศกาลที่จัดช่วงกลางปีของทุกปี ในงานมีการนำเสนอ วางขาย ผลงานหนังสือจากนักเขียนในหลาย ๆ ประเทศ มีสำนักพิมพ์กว่า 2,000 แห่ง จาก 76 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมงานเทศกาลในแต่ละปี รวมถึงชาวปักกิ่งและนักท่องเที่ยวที่สนใจในกิจกรรม สามารถเลือกซื้อหนังสือที่ชื่นชอบภายในงานได้ 

Golden week หรือวันชาติจีน จะตรงกับวันที่ 1 – 7 ตุลาคม ของทุกปี โดยวันดังกล่าวถือเป็นวันสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ซึ่งคนจีนส่วนมากนิยมเดินทาง ท่องเที่ยวพักผ่อน ระหว่างประเทศ ทั้งเอเชีย ยุโรป อเมริกา และอีกหลายประเทศทั่วโลก แต่ก็มีบางส่วนที่ท่องเที่ยวพักผ่อนอยู่ภายในประเทศ รวมถึงกรุงปักกิ่งด้วย 

เทศกาลใบไม้แดง ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ประมาณปลายเดือนตุลาคม ถึงต้นเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงที่ใบไม้บนภูเขาทุกลูกในกรุงปักกิ่งจะมีสีแดงให้ชม สามารถชมวิวใบสีไม้แดงระหว่างขับรถวิ่งบนทางหลวงของปักกิ่ง โดยเฉพาะภูเขาเซียงซาน จะมีชื่อเสียงและสวยงามเป็นพิเศษ เพราะหุบเขาทั้งลูกจะถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้สีแดง

เทศกาลไหว้พระจันทร์ปักกิ่ง (Beijing Mid-Autumn Festival) เป็นเทศกาลโบราณของจีน จะมีช่วงประมาณเดือนกันยายน ตามปฏิทินจันทรคติของจีน หรือเรียกอีกอย่างว่า เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง มีการจัดงานเฉลิมฉลองด้วยการไหว้พระจันทร์ในช่วงเวลากลางคืน โดยใช้ขนมไหว้พระจันทร์ และยังมีกิจกรรมเฉลิมฉลองด้วยการประดับโคมไฟสีแดง เพื่อเป็นสีสันของเทศกาลนี้อีกด้วย

เทศกาลคริสมาสต์ จัดช่วงประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไปของทุกปี เป็นช่วงที่บรรดาห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ในกรุงปักกิ่ง ทั้ง Beijing Lai Tai Flower, Tianyi Small Goods Wholesale Market และ ตลาด Tianyi มีการจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้าสุดพิเศษ และเปิดร้านยาวนานขึ้น เพื่อให้นักช็อป และนักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อของขวัญ และจับจ่ายซื้อสินค้าในช่วงปลายปีอย่างมีความสุข

 

 

 

เตรียมตัวอย่างไรเมื่อไปเที่ยวปักกิ่ง(Beijing) ประเทศจีน

  • Visa เมื่อก่อนเดินทางไปเที่ยวประเทศจีนต้องดำเนินการขอวีซ่าที่สถานทูตจีน แต่ในปัจจุบัน คนไทยสามารถเข้าจีนแบบฟรีวีซ่าได้แล้ว โดยสามารถท่องเที่ยวในประเทศจีนได้นานถึง 30 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป
  • ตั๋วเครื่องบิน ตรวจเช็ควันเวลาเดินทาง และทำการจองตั๋วเพื่อให้พร้อมก่อนการเดินทาง
  • เสื้อผ้า และการแต่งกาย ควรเตรียมเสื้อผ้า และการแต่งกายให้เข้ากับฤดูที่เราไป เช่น หากไปช่วงฤดูหนาว ซึ่งอากาศมีโอกาสติดลบ และมีความแห้งมาก ควรเตรียมเป็นเสื้อผ้าประเภทวูลขนสัตว์เพื่อเพิ่มความอบอุ่น หรือพวกเสื้อฮีทเทคที่มีขายทั่วไป อาจพกหมวก ผ้าพันคอ ถุงมือ ลองจอห์น เพิ่มเข้าไปด้วยก็จะดีมาก แต่หากเดินทางในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งอากาศเย็นสบาย ก็เตรียมเป็นพวกเสื้อเชิ๊ต เสื้อยืดธรรมดา แล้วคลุมทับด้วยแจ็ตเก็ตสักตัว หรือใส่เสื้อฮู้ดกับยีนส์ก็เพียงพอ นอกจากนี้ควรเตรียมรองเท้าที่สวมใส่สบาย รวมถึงหมวก และแว่นตากันแดดไปด้วย
  • กระเป๋าเสื้อผ้า จัดเตรียมให้พอเหมาะกับข้าวของที่เราต้องการนำไปด้วย ซึ่งถ้ามีปริมาณมาก และต้องโหลดลงใต้ท้องเครื่องบิน กระเป๋าเดินทางควรมีน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม เพราะหากน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนด จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม นอกจากนั้นกระเป๋าเดินทางที่เตรียมไปควรมีความแข็งแรง และมีกุญแจ ล็อกเพื่อความปลอดภัย ส่วนกระเป๋าติดตัวขึ้นเครื่องนั้น ควรมีน้ำหนัก ไม่เกิน 7 กิโลกรัม
  • เครื่องสำอาง โลชั่นบำรุงผิว กันแดด ลิป ข้าวของเครื่องใช้ประจำตัว ควรเตรียมไปให้พร้อม เพื่อไม่ต้องวุ่นวายหาซื้อใหม่ ช่วยทั้งประหยัดเวลา และประหยัดเงินในกระเป๋า
  • กระเป๋ายา เตรียมยาต่าง ๆ เช่น ยาแก้ปวดหัว ตัวร้อน แก้ไอ แก้ร้อนใน แพ้ ผื่นคัน หรือยาประจำตัว เพราะยาที่ประเทศจีนส่วนใหญ่เป็นยาสมุนไพร อาจหายได้ แต่ไม่เร็วทันใจ ดังนั้นควรเตรียมไปด้วยจะดีที่สุด
  • Adaptor จีนใช้ไฟฟ้าระบบ 220 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิรตซ์ ใช้ปลั๊กแบบ G และ M ปัจจุบันนิยมใช้ปลั๊กตัวผู้แบบ G (ปลายแบน) แต่แบบปลายกลมก็ยังมีใช้อยู่ ดังนั้นควรเตรียม Adaptor ไปด้วยก็จะดีมาก
  • โทรศัพท์ โทรศัพท์มือถือจะใช้ได้เฉพาะเครื่องที่ขออนุญาตเปิดใช้ต่างประเทศ (เปิด Roaming) โดยสามารถโทรเข้า-รับได้ทุกสาย ซึ่งค่าใช้จ่ายก็ขึ้นอยู่กับค่ายมือถือ และแพ็จเก็จที่แตกต่างกัน 
  • กล้องถ่ายรูป รวมถึงอุปกรณ์สำหรับบันทึกข้อมูล เช่น SD Card อุปกรณ์ในการชาร์ตต่าง ๆ เช่น สายชาร์ต หรือแบตเตอรี่ ควรเตรียมไปให้เพียงพอโดยเฉพาะถ่านใส่กล้องถ่ายรูป เพราะที่จีนราคาจะสูงมาก