อัพเดตล่าสุดเมื่อ 18 กันยายน 2568
 
							จริงๆ แล้ว ปักกิ่ง (Beijing)  เที่ยวได้สนุกทุกฤดูเลยค่ะ✈️ เมืองหลวงของจีนแห่งนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์ทั้งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ผสมความทันสมัย มีที่เที่ยวชื่อดังระดับโลกอย่าง กำแพงเมืองจีน  และ พระราชวังต้องห้าม  รอให้เราไปสัมผัสอยู่ตลอดปี แต่ละช่วงเวลาก็ให้บรรยากาศคนละแบบ ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากเจอปักกิ่งในโฉมไหน 🙂 โชคดีมากๆ ที่เดี๋ยวนี้ คนไทยไปเที่ยวจีนไม่ต้องขอวีซ่าแล้ว  (เที่ยวได้สูงสุด 30 วันสบายๆ ตั้งแต่มี.ค. 2567 เป็นต้นมา) แค่จองตั๋วเครื่องบินตรงจากไทยบินประมาณ 5 ชั่วโมงก็ถึงปักกิ่งแล้ว แถมเดี๋ยวนี้มีสายการบินโลว์คอสต์บินตรง ราคาดีต่อใจ “เราคนไทย” มากๆ ✨ พร้อมจะวางแผนทริปปักกิ่งกันหรือยัง? เดี๋ยวบทความนี้จะเล่าให้ฟังแบบเพื่อนๆ ว่า แต่ละฤดูในปักกิ่งเป็นยังไง ช่วงไหนฟินสุด  และมีอะไรที่มาแล้วห้ามพลาดบ้าง! บอกเลยว่ารู้ไว้จะช่วยให้ทริปปักกิ่งของเรา สนุก คุ้มค่า และตรงใจ  ยิ่งขึ้นแน่นอนค่ะ 😁
 
 
 
สรุปเร็ว ๆ: ไปปักกิ่งเดือนไหน “ปัง” ที่สุด 
ถ้าชอบอากาศเย็นสบายและอยากได้รูปโทนเหลืองทอง เราโหวต “ปลายตุลาคม–ต้นพฤศจิกายน” คือสวยสุด เดินเพลิน คนไม่แน่นเท่าช่วงหยุดยาว และสีสันใบไม้กำลังพีค โดยเฉพาะแนวกิงโกะในเมืองกับแนวเขารอบ ๆ เมืองช่วงนี้จะเหลืองอร่ามมาก ๆ (ช่วงปลาย ต.ค.–กลาง พ.ย. มักเป็นหน้าดูใบไม้ในปักกิ่ง)
อีกช่วงที่หลายคนหลงรักคือ “ปลายมีนาคม–กลางเมษายน” ดอกซากุระในปักกิ่งบานสวยกว่าที่คิด โดยเฉพาะสวน Yuyuantan ที่จัดเทศกาลดอกไม้เป็นประจำ บรรยากาศชิล ๆ เดินเล่นแล้วแวะของกินพอดีมาก (ช่วงบานปกติประมาณปลาย มี.ค.–กลาง เม.ย.)
ถ้าติดช่วงหยุดยาวของจีน แนะนำหลีกเลี่ยง Golden week 1–7 ตุลาคม และ “วันแรงงาน” ปลายเมษายน–ต้นพฤษภาคม เพราะค่าตั๋ว/ที่พักพุ่ง คนแน่นจนต้องร้องขอชีวิต ทุกแลนด์มาร์ก
 
 
 
อุณภูมิ ปริมาณฝน และแนวโน้มฝุ่น แต่ละเดือนของปักกิ่ง 
เดือน 
อากาศเฉลี่ย (สูงสุด/ต่ำสุด °C — ฝน มม.) + แนวโน้ม AQI/PM2.5 
 
 
ม.ค. 
2.3 / -6.9 — ฝน 2.2 — แนวโน้ม AQI: ค่อนข้างแย่–แย่ (PM สูง ช่วงหนาวและลมแรง) 
 
ก.พ. 
6.1 / -4.2 — ฝน 5.8 — แนวโน้ม AQI: ค่อนข้างแย่–แย่ (ยังหนาว ฝุ่นสะสม) 
 
มี.ค. 
13.2 / 1.9 — ฝน 8.6 — แนวโน้ม AQI: ปานกลาง–ค่อนข้างแย่ (บางปีมีพายุทราย) 
 
เม.ย. 
21.0 / 9.0 — ฝน 21.7 — แนวโน้ม AQI: ปานกลาง (ดีขึ้นกว่าต้นปี แต่ยังแปรปรวน) 
 
พ.ค. 
27.2 / 15.1 — ฝน 36.1 — แนวโน้ม AQI: ปานกลาง–พอใช้ (เริ่มดีขึ้น) 
 
มิ.ย. 
30.8 / 20.0 — ฝน 72.4 — แนวโน้ม AQI: ปานกลาง (ฝนมากขึ้นช่วยกดฝุ่น) 
 
ก.ค. 
31.8 / 23.0 — ฝน 169.7 — แนวโน้ม AQI: ใช้ได้–ปานกลาง (ฝนสูงสุดของปี) 
 
ส.ค. 
30.7 / 22.0 — ฝน 113.4 — แนวโน้ม AQI: ใช้ได้–ปานกลาง (ยังมีฝนช่วย) 
 
ก.ย. 
26.5 / 16.3 — ฝน 53.7 — แนวโน้ม AQI: ดีสุดของปีโดยรวม (อากาศโปร่ง) 
 
ต.ค. 
19.3 / 8.8 — ฝน 28.7 — แนวโน้ม AQI: ดี–ใช้ได้ (ลมเย็น ใบไม้ร่วง เริ่มแห้งลง) 
 
พ.ย. 
10.3 / 0.7 — ฝน 13.5 — แนวโน้ม AQI: ปานกลาง–ค่อนข้างแย่ (เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว) 
 
ธ.ค. 
3.7 / -5.0 — ฝน 2.2 — แนวโน้ม AQI: ค่อนข้างแย่–แย่ (หนาวแห้ง ฝุ่นสะสมง่าย) 
 
 
 
 
 
การเดินทางไปเมืองปักกิ่ง(Beijing)   ประเทศจีน 
การเดินทางจากประเทศไทย สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเครื่องบินนั้น จะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ  4  ชั่วโมง  50  นาที ส่วนสายการบินที่ตรงสู่กรุงปักกิ่งก็มีให้เลือกหลายสายการบิน ไม่ว่าจะเป็น การบินไทย ไทยแอร์เอเชีย บางกอกแอร์เวย์ส  Thai VietJet Air, Hainan Airlines  และ  Air China  เป็นต้น 
 
 
 
ฤดูกาลของเมืองปักกิ่ง ประเทศจีน 
Photo from https://www.flickr.com/photos/26087974@N05/4432449256
Photo from https://www.flickr.com/photos/philiplarson/3180519392
สำหรับประเทศจีน และกรุงปักกิ่งนั้นจะมีฤดูกาลทั้งหมด  4  ฤดู ได้แก่ ฤดูหนาว ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูใบไม้ผลิ โดยแต่ละช่วงฤดูกาลจะมีรายละเอียดดังนี้ 
▌ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม–พฤษภาคม) 
อากาศเย็นสบายกลางวัน 10–20°C เดินเล่นเพลินสุด ฟีลเมืองเริ่มเขียว ดอกไม้เริ่มบาน โดยเฉพาะสวนใหญ่ ๆ รอบเมือง บางวันเช้าเย็นลมแรงนิดหน่อย กลางวันแดดอุ่น ๆ ใครชอบถ่ายรูปสวนและตึกเก่ากับท้องฟ้าใส ๆ ช่วงนี้แฮปปี้มาก ทิปเล็ก ๆ คือพกแจ็กเก็ตบาง ๆ หรือกันลมไว้ เผื่ออากาศแอบสวิง
▌ฤดูร้อน (มิถุนายน–สิงหาคม) 
ร้อนจัดคล้ายกรุงเทพ กลางวัน 25–35°C แต่ข้อดีคือเป็นโลว์ซีซั่น ราคาตั๋วเครื่องบินกับโรงแรมมักจะถูกลง คนน้อยกว่า ไฮไลต์คือพระราชวังฤดูร้อนช่วงบัวบาน เดินสวนร่มรื่น นั่งเรือชมวิวชิล ๆ ถ้าฝนหลงฤดูมา ช่วงบ่ายอาจเจอฝนฟ้าคะนอง แนะนำพกร่มและพาวเวอร์แบงก์ไว้ พร้อมลุยต่อไม่สะดุด
▌ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน–พฤศจิกายน) 
ช่วงที่หลายคนยกให้ดีที่สุด อากาศเย็นกำลังดี 10–20°C ฟ้าใส โอกาสฝนน้อย ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีตั้งแต่กลางตุลาคม วิวภูเขารอบกำแพงเมืองจีนและสวนดัง ๆ สวยมาก เดินทั้งวันแทบไม่เหนื่อย ทริคสำคัญคือเลี่ยงสัปดาห์วันชาติช่วง 1–7 ตุลาคม เพราะคนแน่นมาก หลังจากนั้นจะสบายขึ้นเยอะ 🍁
▌ฤดูหนาว (ธันวาคม–กุมภาพันธ์) 
หนาวจัด อาจติดลบ โดยเฉพาะมกราคม ลมแรง แต่ก็เป็นช่วงที่ได้ฟีลหิมะสวย เงียบสงบ คนน้อย ค่าใช้จ่ายหลายอย่างถูกลง เหมาะกับสายชอบอากาศเย็นและอยากเห็นแลนด์มาร์กคลาสสิกในบรรยากาศหิมะ เตรียมเสื้อโค้ทหนา ถุงมือ หมวก ผ้าพันคอ และลองจอห์นให้พร้อม เที่ยวกลางแจ้งได้สบายขึ้น
 
 
 
การท่องเที่ยวในแต่ละฤดูของปักกิ่งมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร 
ท่องเที่ยวในฤดูหนาว  อากาศที่กรุงปักกิ่งจะหนาว และมีลมแรงมาก จึงไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก ซึ่งฤดูหนาวถือว่าเป็นช่วงโลว์ซีซันของปักกิ่ง บางสถานที่ท่องเที่ยวไม่เปิดให้เข้าชม หากต้องการไปท่องเที่ยวในช่วงนี้ ควรศึกษาข้อมูลของแต่ละสถานที่ว่าเปิดให้เข้าชมหรือไม่ แต่ข้อดีของฤดูนี้สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสหิมะ หรือความหนาวเหน็บนั้น ถ้ามาเที่ยวในช่วงนี้รับรองว่าได้สัมผัสความหนาวเย็นแบบจัดเต็มแน่นอน แถมราคาที่พัก ราคาตั๋วเครื่องบิน และค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ก็จะลดราคา และถูกลงอีกด้วย  
ท่องเที่ยวในฤดูร้อน  อากาศของกรุงปักกิ่งจะร้อน จนถึงขั้นร้อนมาก แบบทะลุ  40  องศาเซลเซียส แต่ข้อดีคือยังพอมีความสวยงามจากดอกไม้เมืองร้อนอยู่บ้าง เช่น ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ตามเขตนอกเมือง ส่วนข้อเสียนั้น นอกจากจะร้อนแล้ว อากาศก็ยังแห้งอีกด้วย ทำให้กระหายน้ำบ่อย จึงควรมีน้ำไว้จิบตลอดเวลา และอาจเจอฝนตกหนัก รวมถึงพายุใต้ฝุ่นในช่วงประมาณเดือนกรกฎาคมจนถึงกันยายนของทุกปี ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วง low season ที่ราคาห้องพักจะถูกที่สุดของปี ยกเว้นที่ตรงกับวันหยุดของจีน  
ท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ร่วง  ถือว่าเป็นช่วงไฮท์ซีซั่นของการท่องเที่ยวกรุงปักกิ่ง เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการท่องเที่ยวมากที่สุด เพราะอากาศกำลังเย็นสบาย ไม่หนาวหรือร้อนจนเกินไป อีกทั้งเป็นช่วงที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีสัน ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ มีความสวยงามมากขึ้น หากเพื่อน ๆ ต้องการมาเที่ยวปักกิ่ง เราขอแนะนำให้มาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้  
ท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิ  โดยช่วงฤดูนี้ยังสามารถพบกับดอกไม้ ผลไม้เมืองหนาว ที่ยังคงความสวยงามอยู่มากมาย  รวมถึงอากาศที่กำลังเย็นสบาย ทว่าค่าตั๋ว ค่าที่พัก ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ ก็ยังคงเป็นราคาเดิมจากช่วงไฮท์ซีซั่นอยู่ และอาจเจอกับฝนตกหนักบางช่วงเวลา และพายุทรายที่ทำให้ในอากาศเต็มไปด้วยฝุ่นละอองจากทรายที่ลมพัดพามา ทำให้เสียอรรถรสในการท่องเที่ยวไปบ้าง 
โดยสรุปฤดูที่เหมาะกับการท่องเที่ยวกรุงปักกิ่งมากที่สุด คือ ฤดูใบไม้ร่วง ส่วนฤดูอื่น ๆ นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัย และความชื่นชอบส่วนบุคคล ซึ่งหากไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ก็อาจเจอกับฝนตกหนัก รวมถึงพายุใต้ฝุ่นในช่วงฤดูร้อน และเจอกับพายุทรายในฤดูใบไม้ผลิ  
 
 
 
เที่ยวปักกิ่งช่วงไหนไม่ดี? 
นอกจากช่วงที่มีพายุและอะไรที่เกี่ยวกับภัยธรรมชาติซึ่งเราควบคุมไม่ได้แล้ว ยังมีช่วงเวลาที่ควรหลีกเลี่ยงในการไปเที่ยวปักกิ่ง  คือ ช่วงที่ตรงกับวันหยุดของจีน เพราะคนจะเยอะกว่าปกติ สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว ราคาห้องพักและบริการต่างๆก็จะแพงขึ้น และอาจต้องรอคิวนาน(กว่าเดิม)จนหมดสนุก ทั้งหมดนี้นอกจากว่าเราต้องบรรยากาศของเทศกาลวันหยุดนั้นๆจริงๆ ก็สามารถไปเที่ยวปักกิ่งตามเทศกาลที่เราต้องการได้เลย ซึ่งวันหยุดหลัก ๆ ของจีนนั้นจะมี 5 ช่วง คือ 
ตรุษจีน (Chinese New Year)  ตรงกับเดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์ เป็นวันหยุดหลายวันที่ต้องเช็คในแต่ละปีเพราะไม่ตรงกันทุกปี ช่วงนี้คนจีนจำนวนมากจะเดินทางกลับบ้านหรือท่องเที่ยว ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวเยอะมากวันเช็งเม้ง (Tomb Sweeping Day หรือ Qingming Festival)  ปกติจะตรงกับวันที่ 4 หรือ 5 เมษายน เป็นวันหยุดจำนวน 3 วันที่ต้องเช็คในแต่ละปีเพราะไม่ตรงกันทุกปีวันแรงงาน (Labour Day)  ตรงกับวันที่ 1 – 3 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันหยุดสำคัญที่มีนักท่องเที่ยวออกมาเที่ยวเยอะวันหยุดบะจ่าง (Dragon Boat Festival)  ปกติจะตรงกับเดือนมิถุนายน (ตามปฏิทินจีน) ต้องเช็ควันหยุดแต่ละปีเพราะไม่ตรงกันทุกปีวันชาติจีน (National Day)  ตรงกับวันที่ 1 ตุลาคม และวันหยุดยาวช่วงต้นเดือนตุลาคม ช่วงวันหยุดนี้ชาวจีนนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ จึงต้องวัดดวงว่าจะเจอกับคลื่นมหาชนชาวจีนหรือไม่ 
 
 
 
เทศกาลต่าง ๆ ของกรุงปักกิ่ง(Beijing)  ที่ไม่ควรพลาด 
Photo from https://pxhere.com/en/photo/1641899#google_vignette
วันตรุษจีน หรือปีใหม่จีน  จะจัดประมาณปลายเดือนมกราคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งแต่ละปีจะไม่แน่นอน เพราะจะเปลี่ยนตามปฎิทินจีน ถือเป็นงานเฉลิมฉลองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน รวมถึงกรุงปักกิ่ง มีการจัดงานฉลองส่งท้ายปี ด้วยการตกแต่งเมือง และจัดภูมิทัศน์แต่ละสถานที่อย่างสวยงาม ประดับด้วยธงหลากสี โคมไฟต่าง ๆ และยังเปิดให้เข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในกรุงปักกิ่งฟรีอีกด้วย   
เทศกาลแกะสลักโคมไฟน้ำแข็งหลงชิงเสีย ปักกิ่ง  ( Longqingxia Ice Lamps Artistic Festival)  จัดขึ้นทุกปี ในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ โดยในงานจะเป็นการแสดงโชว์แกะสลักน้ำแข็งให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ เช่น รูปเจดีย์ รูปปราสาท สวนสนุก และสิ่งของต่าง ๆ ตามจินตนาการ มีการประดับประดาด้วยโคมไฟอย่างสวยงาม ตระการตา และยิ่งใหญ่ เป็นอีกงานที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวปักกิ่ง 
Dragon Boat Festival  หรือ เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง  จัดขึ้นประมาณวันที่ 5 ของเดือน 5 ตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งจะตรงกับปลายเดือนพฤษภาคม หรือช่วงต้นเดือนมิถุนายนตามปฏิทินสุริยคติ (ปฏิทินสากล) ซึ่งวันดังกล่าวยังเป็นวันหยุดประจำปีของจีน เพื่อระลึกถึง  Qu Yuan  นักกวีและรัฐมนตรีของจีนในอดีต รวมถึงมีการแข่งเรือมังกร กินบ๊ะจ่าง และรวมตัวกันดื่มกินสังสรรค์ริมฝั่งแม่น้ำ และทะเลสาบ พร้อมทั้งรับชมการแข่งขันเรือมังกรในแบบดั้งเดิม  
เทศกาลหนังสือนานาชาติปักกิ่ง ( The Beijing International Book Fair)  เป็นเทศกาลที่จัดช่วงกลางปีของทุกปี ในงานมีการนำเสนอ วางขาย ผลงานหนังสือจากนักเขียนในหลาย ๆ ประเทศ มีสำนักพิมพ์กว่า  2,000  แห่ง จาก 76 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมงานเทศกาลในแต่ละปี รวมถึงชาวปักกิ่งและนักท่องเที่ยวที่สนใจในกิจกรรม สามารถเลือกซื้อหนังสือที่ชื่นชอบภายในงานได้  
Golden week  หรือวันชาติจีน  จะตรงกับวันที่ 1 – 7 ตุลาคม ของทุกปี โดยวันดังกล่าวถือเป็นวันสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ซึ่งคนจีนส่วนมากนิยมเดินทาง ท่องเที่ยวพักผ่อน ระหว่างประเทศ ทั้งเอเชีย ยุโรป อเมริกา และอีกหลายประเทศทั่วโลก แต่ก็มีบางส่วนที่ท่องเที่ยวพักผ่อนอยู่ภายในประเทศ รวมถึงกรุงปักกิ่งด้วย  
เทศกาลใบไม้แดง  ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ประมาณปลายเดือนตุลาคม ถึงต้นเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงที่ใบไม้บนภูเขาทุกลูกในกรุงปักกิ่งจะมีสีแดงให้ชม สามารถชมวิวใบสีไม้แดงระหว่างขับรถวิ่งบนทางหลวงของปักกิ่ง โดยเฉพาะภูเขาเซียงซาน จะมีชื่อเสียงและสวยงามเป็นพิเศษ เพราะหุบเขาทั้งลูกจะถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้สีแดง 
เทศกาลไหว้พระจันทร์ปักกิ่ง ( Beijing Mid-Autumn Festival)  เป็นเทศกาลโบราณของจีน จะมีช่วงประมาณเดือนกันยายน ตามปฏิทินจันทรคติของจีน หรือเรียกอีกอย่างว่า เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง มีการจัดงานเฉลิมฉลองด้วยการไหว้พระจันทร์ในช่วงเวลากลางคืน โดยใช้ขนมไหว้พระจันทร์ และยังมีกิจกรรมเฉลิมฉลองด้วยการประดับโคมไฟสีแดง เพื่อเป็นสีสันของเทศกาลนี้อีกด้วย 
เทศกาลคริสมาสต์  จัดช่วงประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไปของทุกปี เป็นช่วงที่บรรดาห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ในกรุงปักกิ่ง ทั้ง  Beijing Lai Tai Flower, Tianyi Small Goods Wholesale Market  และ ตลาด  Tianyi  มีการจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้าสุดพิเศษ และเปิดร้านยาวนานขึ้น เพื่อให้นักช็อป และนักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อของขวัญ และจับจ่ายซื้อสินค้าในช่วงปลายปีอย่างมีความสุข 
 
 
 
เตรียมตัวอย่างไรเมื่อไปเที่ยวปักกิ่ง(Beijing) ประเทศจีน  
Visa  เมื่อก่อนเดินทางไปเที่ยวประเทศจีนต้องดำเนินการขอวีซ่าที่สถานทูตจีน แต่ในปัจจุบัน คนไทยสามารถเข้าจีนแบบฟรีวีซ่าได้แล้ว โดยสามารถท่องเที่ยวในประเทศจีนได้นานถึง 30 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่  1  มีนาคม  2567  เป็นต้นไป  ตั๋วเครื่องบิน  ตรวจเช็ควันเวลาเดินทาง และทำการจองตั๋วเพื่อให้พร้อมก่อนการเดินทาง  เสื้อผ้า และการแต่งกาย  ควรเตรียมเสื้อผ้า และการแต่งกายให้เข้ากับฤดูที่เราไป เช่น หากไปช่วงฤดูหนาว ซึ่งอากาศมีโอกาสติดลบ และมีความแห้งมาก ควรเตรียมเป็นเสื้อผ้าประเภทวูลขนสัตว์เพื่อเพิ่มความอบอุ่น หรือพวกเสื้อฮีทเทคที่มีขายทั่วไป อาจพกหมวก ผ้าพันคอ ถุงมือ ลองจอห์น เพิ่มเข้าไปด้วยก็จะดีมาก แต่หากเดินทางในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งอากาศเย็นสบาย ก็เตรียมเป็นพวกเสื้อเชิ๊ต เสื้อยืดธรรมดา แล้วคลุมทับด้วยแจ็ตเก็ตสักตัว หรือใส่เสื้อฮู้ดกับยีนส์ก็เพียงพอ  นอกจากนี้ควรเตรียมรองเท้าที่สวมใส่สบาย รวมถึงหมวก และแว่นตากันแดดไปด้วย  กระเป๋าเสื้อผ้า  จัดเตรียมให้พอเหมาะกับข้าวของที่เราต้องการนำไปด้วย ซึ่งถ้ามีปริมาณมาก และต้องโหลดลงใต้ท้องเครื่องบิน กระเป๋าเดินทางควรมีน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม เพราะหากน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนด จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม นอกจากนั้นกระเป๋าเดินทางที่เตรียมไปควรมีความแข็งแรง และมีกุญแจ ล็อกเพื่อความปลอดภัย ส่วนกระเป๋าติดตัวขึ้นเครื่องนั้น ควรมีน้ำหนัก ไม่เกิน 7 กิโลกรัม  เครื่องสำอาง  โลชั่นบำรุงผิว กันแดด ลิป ข้าวของเครื่องใช้ประจำตัว ควรเตรียมไปให้พร้อม เพื่อไม่ต้องวุ่นวายหาซื้อใหม่ ช่วยทั้งประหยัดเวลา และประหยัดเงินในกระเป๋า  กระเป๋ายา  เตรียมยาต่าง ๆ เช่น ยาแก้ปวดหัว ตัวร้อน แก้ไอ แก้ร้อนใน แพ้ ผื่นคัน หรือยาประจำตัว เพราะยาที่ประเทศจีนส่วนใหญ่เป็นยาสมุนไพร  อาจหายได้ แต่ไม่เร็วทันใจ ดังนั้นควรเตรียมไปด้วยจะดีที่สุด  Adaptor  จีนใช้ไฟฟ้าระบบ  220  โวลต์ ความถี่  50  เฮิรตซ์ ใช้ปลั๊กแบบ  G  และ  M  ปัจจุบันนิยมใช้ปลั๊กตัวผู้แบบ  G ( ปลายแบน) แต่แบบปลายกลมก็ยังมีใช้อยู่ ดังนั้นควรเตรียม  Adaptor  ไปด้วยก็จะดีมาก  โทรศัพท์  โทรศัพท์มือถือจะใช้ได้เฉพาะเครื่องที่ขออนุญาตเปิดใช้ต่างประเทศ (เปิด  Roaming)  โดยสามารถโทรเข้า-รับได้ทุกสาย  ซึ่งค่าใช้จ่ายก็ขึ้นอยู่กับค่ายมือถือ และแพ็จเก็จที่แตกต่างกัน   กล้องถ่ายรูป  รวมถึงอุปกรณ์สำหรับบันทึกข้อมูล เช่น  SD Card  อุปกรณ์ในการชาร์ตต่าง ๆ เช่น สายชาร์ต หรือแบตเตอรี่ ควรเตรียมไปให้เพียงพอโดยเฉพาะถ่านใส่กล้องถ่ายรูป เพราะที่จีนราคาจะสูงมาก