การเดินทางจากสนามบินเซี่ยงไฮ้เข้าสู่ตัวเมือง (อัปเดตปี 2025)


อัพเดตล่าสุดเมื่อ 23 กันยายน 2568

 

เซี่ยงไฮ้มีสนามบินหลัก 2 แห่ง ได้แก่ สนามบินนานาชาติผู่ตง (PVG) ที่อยู่ชานเมืองด้านตะวันออก (ห่างตัวเมือง ~30 กม.) และ สนามบินนานาชาติหงเฉียว (SHA) ที่อยู่ใกล้ตัวเมืองทางตะวันตก (~13 กม.) ทั้งสองแห่งมีวิธีเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองหลายวิธี ดังนี้:

 

 

 

 

 

 

การเดินทางจากสนามบินนานาชาติผู่ตง (PVG) → ตัวเมืองเซี่ยงไฮ้

สนามบินผู่ตงเป็นสนามบินหลักที่เที่ยวบินจากไทยมักใช้ มีหลายวิธีเข้าสู่ย่านยอดนิยม เช่น The Bund (ริมน้ำหวงผู่), People’s Square, ถนนนานจิง (Nanjing Road), Jing’an รวมถึงย่านช้อปปิ้งสำคัญต่าง ๆ

wikipedia.com

 

วิธี สรุปรายละเอียดสำคัญ
Maglev + Metro
  • เวลา: รวม ~30 นาที (Maglev 8 นาที ถึง Longyang Rd + ต่อ Metro ~20 นาทีเข้าใจกลางเมือง)
  • ค่าใช้จ่าย: ¥50 (Maglev) + ~¥7 (Metro) — ตั๋วไป-กลับ Maglev ¥80; แสดงบอร์ดดิ้งพาสวันเดียวกันลด ~20%
  • เวลาบริการ: ~07:00–21:40 (ออกทุก ~15–20 นาที)
  • จุดเด่น: เร็วที่สุด, ได้ประสบการณ์ Maglev
  • ข้อสังเกต: ต้องต่อ Metro ที่ Longyang Rd; มีสัมภาระเยอะอาจไม่สะดวก
  • ทิปส์: ถ่ายความเร็วบนจอในขบวน; เตรียมเหรียญ/บัตรพร้อมถ้าจะซื้อตั๋วต่อ Metro
Metro สาย 2
  • เวลา: ~60 นาที (Pudong Airport → People’s Square/East Nanjing Rd)
  • ค่าใช้จ่าย: ~¥7 (ตามระยะ)
  • เวลาบริการ: ~06:00–22:30 (ถี่ ~8–12 นาที)
  • จุดเด่น: ถูกที่สุด, เข้าใจกลางเมืองโดยตรง (Lujiazui/People’s Square/East Nanjing Rd/Jing’an)
  • ข้อสังเกต: ช่วงพีคคนแน่น; ต้องเปลี่ยนขบวนที่ Guanglan Rd
  • ทิปส์: ตรวจทิศทางไป East Xujing; ใช้เหรียญโดยสารหรือสแกน QR ผ่าน Alipay/WeChat
รถบัสสนามบิน (กลางวัน)
  • เวลา: ~70–90 นาที (ขึ้นกับเส้นทาง/รถติด)
  • ค่าใช้จ่าย: ~¥15–¥30
  • เวลาบริการ: ~06:00–23:00 (ถี่ ~15–30 นาที/สาย)
  • จุดเด่น: หลายสายวิ่งตรงย่านสำคัญ เช่น สาย 2 ไป Jing’an, สาย 4 ไป Shanghai Railway Station
  • ข้อสังเกต: ช้ากว่ารถไฟ; ป้ายตามรายทางส่วนใหญ่เป็นจีน
  • ทิปส์: เตรียมเงินสดย่อย; เช็กหมายเลขสายและจุดลงล่วงหน้า
รถบัสสนามบิน (กลางคืน)
  • เวลา: ~40–70 นาทีถึงจุดในเมือง (จอดหลายจุด เช่น Century Ave/East Yan’an Rd/Jing’an)
  • ค่าใช้จ่าย: ~¥18–¥34 (ตามระยะ)
  • เวลาบริการ: ~23:00–05:30 (ความถี่ ~30–45 นาที)
  • จุดเด่น: ทางเลือกหลังรถไฟหมด คืนดึกประหยัดกว่ารถแท็กซี่มาก
  • ข้อสังเกต: ต้องรู้จุดลง; ภาษาอังกฤษจำกัด
  • ทิปส์: พิมพ์ชื่อ-ที่อยู่โรงแรมเป็นภาษาจีนให้พนักงานช่วยบอกป้ายลง
แท็กซี่สนามบิน
  • เวลา: ~45 นาที (ปกติ) / ~60+ นาที (รถติด/ฝนตก)
  • ค่าใช้จ่าย: ~¥150–¥190 กลางวัน (+50% ระยะเกิน 15 กม.; กลางคืน 23:00–05:00 เพิ่ม ~30%)
  • เวลาบริการ: 24 ชั่วโมง (มีคิวแท็กซี่ทางการที่ T1/T2)
  • จุดเด่น: ถึงหน้าโรงแรมโดยตรง สะดวกเมื่อมีสัมภาระ/เที่ยวบินดึก
  • ข้อสังเกต: แพงสุดในตัวเลือก; ภาษาอังกฤษคนขับจำกัด
  • ทิปส์: ใช้คิวแท็กซี่ทางการเท่านั้น; เตรียมชื่อ-ที่อยู่ปลายทางภาษาจีน; พกเงินสดย่อย
แอปเรียกรถ (DiDi)
  • เวลา: ~45–60 นาที (คล้ายแท็กซี่)
  • ค่าใช้จ่าย: ใกล้เคียงแท็กซี่ (~¥150 ± ตามช่วงเวลา/ดีมานด์)
  • เวลาบริการ: 24 ชั่วโมง (รับ-ส่งที่จุด Ride Hailing ภายในสนามบิน)
  • จุดเด่น: กำหนดปลายทางในแอป ไม่ต้องคุยเส้นทาง; ตัดเงินผ่าน Alipay/บัตร
  • ข้อสังเกต: ต้องมีเน็ต/แอปพร้อม; คนขับอาจโทรยืนยันภาษาจีน
  • ทิปส์: ใช้ DiDi ผ่าน Alipay ได้โดยไม่ต้องมีเบอร์จีน; นัดรับตามป้าย “Ride Hailing”
รถรับส่งส่วนตัว (Private Transfer)
  • เวลา: ~45–60 นาที
  • ค่าใช้จ่าย: โดยประมาณ ~¥300+/คัน (เริ่มราว US$40 สำหรับรถเล็ก)
  • เวลาบริการ: ตามเวลาที่จอง (ให้บริการ 24 ชม. ตามนัด)
  • จุดเด่น: คนขับรอรับพร้อมป้ายชื่อในอาคาร; ถึงหน้าโรงแรม ไม่ต้องต่อรถ
  • ข้อสังเกต: ราคาแพงกว่าแท็กซี่; ต้องจองล่วงหน้า
  • ทิปส์: เหมาะกับกลุ่ม/ครอบครัวสัมภาระเยอะ; ตรวจชื่อผู้โดยสาร-ผู้ให้บริการก่อนขึ้นรถ

 

 

▌1. รถไฟแม่เหล็กความเร็วสูง (Maglev)

รถไฟ Maglev เป็นรถไฟความเร็วสูงพิเศษ วิ่งจากสนามบินผู่ตงถึงสถานีหลงหยาง (Longyang Road) ด้วยความเร็วสูงสุด ~300 กม./ชม. (เคยทำความเร็วสูงสุดได้ 430 กม./ชม.) ใช้เวลาประมาณ 8 นาที ถึงสถานีปลายทาง จากนั้นต้องต่อรถไฟใต้ดินหรือยานพาหนะอื่นเข้าสู่ตัวเมืองต่อไป (เช่น นั่งต่อ Metro สาย 2 อีก ~20 นาทีถึงย่าน People’s Square/Nanjing Road) รวมเวลาเดินทางถึงใจกลางเมือง ~30 นาที ซึ่งเป็นวิธีที่เร็วที่สุด

ค่าโดยสาร: ¥50 ต่อเที่ยว (ตั๋วไป-กลับ ¥80) ไม่รวมค่าโดยสารรถไฟใต้ดินที่ต้องต่อ (~¥7) มีตั๋วแบบ VIP (ที่นั่งกว้าง) ราคา ¥100/เที่ยว แต่สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปตั๋วมาตรฐานก็เพียงพอ นอกจากนี้หากแสดงบอร์ดดิ้งพาสสายการบินวันเดียวกัน จะได้รับส่วนลด ~20% สำหรับตั๋ว Maglev ด้วย

เวลาให้บริการ: 06:45 – 21:40 น. จากสถานีหลงหยาง; ขบวนแรกออกจากสนามบิน 07:02 น. และเที่ยวสุดท้าย 21:42 น. ออกทุก ~15 นาที ช่วงพีคไทม์ และทุก 20 นาทีช่วงนอกเวลาเร่งด่วน

ข้อดี: เป็นวิธี รวดเร็วที่สุด จากสนามบินเข้าสู่เมือง (จาก 90 นาทีเหลือ <30 นาที) และได้ประสบการณ์นั่งรถไฟลอยแม่เหล็กสุดไฮเทค เหมาะกับผู้ต้องการประหยัดเวลาหรืออยากลองนั่งรถไฟพิเศษ

ข้อเสีย: ลงที่สถานี Longyang ซึ่งอยู่นอกเขตใจกลาง ต้อง เปลี่ยนขึ้น Metro หรือแท็กซี่ต่ออีกทอดเพื่อไปยังย่านอย่าง People’s Square หรือ The Bund ทำให้อาจไม่สะดวกนักหากมีกระเป๋าเดินทางมาก นอกจากนี้ค่าโดยสารสูงกว่า metro ปกติ

ความสะดวกสำหรับคนไทย: ป้ายบอกทางเป็น ภาษาอังกฤษ ชัดเจน สามารถตามป้าย “Maglev Train” ในสนามบินได้ง่าย สถานี Maglev ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของอาคารสนามบินผู่ตง (มีทางเชื่อมจากทั้ง Terminal 1 และ 2) การซื้อตั๋วทำได้ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วหรือเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ (มีเมนูอังกฤษ) รับชำระเป็นเงินสด (สกุลหยวน) หรือบัตรเครดิตบางประเภท ส่วนการประกาศบนขบวนรถมีทั้งภาษาจีนและอังกฤษ

เคล็ดลับ: หากมีบัตรโดยสารเครื่องบินของวันเดินทาง แนะนำให้แสดงเพื่อรับส่วนลดค่าตั๋ว Maglev (ลด 20%) อีกทั้งบริเวณหัวขบวนรถ Maglev จะมีจอแสดงความเร็วรถไฟ – ผู้โดยสารสามารถถ่ายรูปเมื่อรถไฟทำความเร็ว ~300 กม./ชม. เป็นที่ระลึกได้

 

▌2. รถไฟใต้ดินเซี่ยงไฮ้ (Metro สาย 2)

Metro สาย 2 (สีเขียว) เป็นรถไฟใต้ดินสายหลักที่เชื่อมต่อสนามบินผู่ตงเข้าสู่ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้โดยตรง โดยวิ่งผ่านสถานีสำคัญเช่น Lujiazui, People’s Square, East Nanjing Road, Jing’an Temple และไปสุดสายที่ฝั่งตะวันตกถึงสนามบินหงเฉียว Terminal 2 เหมาะกับการเดินทางเข้าสู่ย่าน The Bund หรือ People’s Square เพราะมีสถานีอยู่ใกล้ (เช่น East Nanjing Rd. ใกล้ Bund และ People’s Square Station กลางเมือง)

การเดินทางโดยสาย 2 จากสนามบินผู่ตงใช้เวลาประมาณ 59–60 นาที ถึงสถานีใจกลางเมือง (เช่น East Nanjing Road) ค่าโดยสาร ถูกมาก เพียงประมาณ ¥7 (คิดตามระยะทาง) ถือว่าประหยัดที่สุดในทุกวิธี

จุดเปลี่ยนขบวน: สาย 2 จะมีช่วงที่ต้อง เปลี่ยนขบวนรถไฟที่สถานี Guanglan Road (ประมาณกลางทาง) เนื่องจากส่วนปลายสายไปสนามบินใช้รถขบวนสั้นพิเศษ ผู้โดยสารเพียงลงแล้วข้ามชานชาลาเพื่อขึ้นรถไฟอีกขบวนไปต่อ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มและเป็นชานชาลาในร่มที่สถานีเดียวกัน การเปลี่ยนขบวนนี้ค่อนข้างตรงไปตรงมาและใช้เวลาไม่นาน

เวลาให้บริการ: ประมาณ 06:00 – 22:30 น. สำหรับขบวนที่ออกจากสนามบิน (เที่ยวแรก ~6:00 และเที่ยวสุดท้าย ~22:00) ทั้งนี้สถานีในเมืองเที่ยวสุดท้ายอาจถึงประมาณ 23:00 (ควรตรวจสอบตารางเวลาอีกครั้งหากเที่ยวบินมาถึงค่ำ)

ข้อดี: เป็นวิธีที่ ประหยัดที่สุด (ค่าโดยสารไม่ถึง 40 บาท) และสถานีรถไฟใต้ดินอยู่ภายในสนามบินเลย (สะดวกมากจากทั้ง Terminal 1 และ 2) นอกจากนี้ สาย 2 เดินรถผ่านจุดสำคัญใจกลางเมือง ทำให้ไปถึงย่าน People’s Square, ถนนนานจิง, Jing’an ได้โดยตรงโดย ไม่ต้องต่อรถหลายต่อ

ข้อเสีย: ใช้เวลาเดินทางนานกว่าวิธีอื่น (~1 ชั่วโมง) และช่วงเวลาเร่งด่วนบนรถไฟใต้ดิน มีผู้โดยสารหนาแน่นมาก อาจไม่สะดวกหากมีกระเป๋าสัมภาระเยอะ อีกทั้งรถไฟหมดค่อนข้างเร็ว (ประมาณสี่ทุ่มกว่า) จึงไม่รองรับเที่ยวบินดึกหลังเวลานั้น

ความสะดวกสำหรับคนไทย: ระบบรถไฟใต้ดินเซี่ยงไฮ้มี ป้ายและเสียงประกาศภาษาอังกฤษ ทุกสถานี ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติเลือกภาษาอังกฤษได้ สามารถใช้ เงินสด (หยวน) ใส่ตู้เพื่อซื้อเหรียญโดยสาร (รองรับธนบัตรและเหรียญ มักทอนเป็นเหรียญ) หรืออีกวิธีที่สะดวกคือการสแกน QR ผ่านแอป Alipay/WeChat เพื่อซื้อตั๋วหรือเข้าประตู (หากตั้งค่าบัญชีไว้แล้ว) สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่มีแอปจีน สามารถซื้อเหรียญ/บัตรได้ที่สนามบิน

เคล็ดลับ: ควรพก แผนที่เส้นทางรถไฟใต้ดิน (หรือดาวน์โหลดแอป Metro แมพ) เพื่อดูเส้นทางและสถานีปลายทาง สาย 2 ฝั่งเข้าเมืองปลายทางคือ East Xujing – ให้ตรวจสอบขึ้นรถถูกขบวนมุ่งหน้า East Xujing ไม่ใช่ขบวนที่ย้อนกลับเข้า Pudong Airport เดิม นอกจากนี้ระหว่างทางเมื่อถึงสถานี Guanglan Road ระบบจะประกาศให้ผู้โดยสารเปลี่ยนขบวน (ไม่ต้องออกจากสถานี) – ให้สังเกตผู้โดยสารท้องถิ่นและทำตาม ปกติทุกคนที่มากับขบวนจากสนามบินจะต้องย้ายไปอีกชานชาลาหนึ่งเพื่อขึ้นรถที่วิ่งต่อเข้าตัวเมือง

 

▌3. รถบัสโดยสารสนามบิน (Airport Shuttle Bus)

ที่สนามบินผู่ตงมีบริการ รถบัสสนามบิน หลายสายที่วิ่งจากสนามบินเข้าสู่เขตต่าง ๆ ของเซี่ยงไฮ้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการไปยังจุดหมายเฉพาะหรือมาถึงช่วงเวลาที่รถไฟหมดแล้ว โดยสายรถบัสที่นิยมและเป็นประโยชน์ต่อย่านท่องเที่ยว เช่น:

Airport Shuttle Bus สาย 2: วิ่งตรงจากสนามบินผู่ตงเข้าสู่ ศูนย์ขนส่งเมือง (City Terminal) ย่าน Jing’an Temple ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง (ใกล้รถไฟใต้ดิน Jing’an และแหล่งช้อปปิ้งถนนนานจิงช่วงตะวันตก) สายนี้สะดวกมากสำหรับไปย่าน Jing’an และ West Nanjing Road โดยไม่ต้องต่อรถไฟใต้ดินต่อไปอีกmy.

Airport Shuttle Bus สาย 4: วิ่งไปทางเหนือ ผ่านเขต Wujiaochang และสุดสายที่ สถานีรถไฟเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Railway Station) ฝั่งจตุรัสด้านเหนือ ทำให้เข้าถึงย่านสถานีรถไฟหลักซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก People’s Square (นั่งรถไฟใต้ดินต่อ 1-2 สถานีหรือต่อแท็กซี่สั้น ๆ ได้)

Airport Shuttle Bus สายอื่น ๆ: เช่น สาย 7 ไปสถานีรถไฟใต้ดิน Xinzhuang ทางตะวันตกเฉียงใต้, สาย 8 วิ่งเขตใกล้สนามบิน/นิคมชานเมือง, สาย 9 ไปย่าน ซินจวง (Xinzhuang) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี สายวงกลม (Airport Circle Line) ที่วิ่งรอบพื้นที่สนามบิน และ สายกลางคืนพิเศษ (Late Night Bus) สำหรับเที่ยวบินมาถึงดึก

รถบัสกลางคืน (Night Shuttle): หากเที่ยวบินมาถึง หลัง 23:00 น. ซึ่งรถไฟหมดแล้ว สนามบินผู่ตงมี รถบัสสายพิเศษช่วงกลางคืน วิ่งตั้งแต่ประมาณ 23:00 – 05:30 น. เส้นทางไปสุดที่ศูนย์ขนส่งหงเฉียว (Hongqiao Transportation Hub) แต่ระหว่างทางจอดที่จุดสำคัญในตัวเมือง ได้แก่ Longyang Rd (ใกล้ศูนย์ประชุม), Century Avenue (ย่าน Pudong), ถนนย่านอันตง (East Yan’an Rd ใกล้ The Bund), ถนนหัวซาน (Huashan Rd ตัด Yan’an Rd ใกล้ Jing’an) เป็นต้น รถจะออกทุก ~45 นาทีหรือตามจำนวนผู้โดยสาร (ถ้าผู้โดยสารมากจะออกถี่ขึ้น แต่จะเว้นไม่เกิน 30 นาที) ค่าโดยสารประมาณ ¥18–34 ขึ้นกับระยะทาง (เช่น ไปลงใกล้สุด ~¥18, ไปสุดสาย ~¥34) ชำระเงินสดกับพนักงานบนรถได้เลย หมายเหตุ: รถบัสกลางคืนคันสุดท้ายออกจากสนามบิน ~ตี 5 ครึ่ง และถึง Hongqiao ~ตี 6 กว่า ดังนั้นหากไฟลท์ลงหลังตี 5:30 ควรพิจารณาแท็กซี่แทน)

เวลาให้บริการ (บัสช่วงกลางวัน): รถบัสแต่ละสายมีเวลาวิ่งแตกต่างกัน ส่วนใหญ่เริ่ม ประมาณ 06:00 น. จนถึง 23:00 น. (หลัง 23:00 ให้ใช้สายดึกตามที่กล่าว) ความถี่ประมาณทุก 15–30 นาทีช่วงกลางวัน ขึ้นอยู่กับสายและช่วงเวลา

ระยะเวลาเดินทาง: ขึ้นอยู่กับเส้นทางและการจราจร – เส้นทางตรงเข้าตัวเมืองใช้เวลาประมาณ ~70–90 นาที (เช่น สาย 2 ไป Jing’an ประมาณ 1 ชม.นิด ๆ หากจราจรไม่ติดขัด) อาจนานกว่านั้นในชั่วโมงเร่งด่วนเนื่องจากสภาพการจราจร

ค่าโดยสาร: อยู่ในช่วงประมาณ ¥15–¥30 ต่อคน (ขึ้นกับสายและระยะทาง) เช่น ไป Jing’an ~¥25, ไป Shanghai Railway Station ~¥28 เป็นต้น (บางสายสั้น ๆ ไปแค่ชานเมืองใกล้ ๆ อาจแค่ ¥2–¥10)

ข้อดี: เส้นทางหลากหลาย ครอบคลุมหลายย่านหลักของเซี่ยงไฮ้ ผู้โดยสารสามารถนั่ง ตรงถึงจุดหมาย ได้เลยโดยไม่ต้องต่อรถ หากเลือกสายถูก เช่น สาย 2 ลงใจกลาง Jing’an, สายกลางคืนลงใกล้ The Bund/People’s Square เป็นต้น นอกจากนี้ค่าโดยสารก็ ประหยัด (หลักสิบหยวน) และมีพื้นที่เก็บสัมภาระใต้ท้องรถ เหมาะกับผู้มีกระเป๋าเดินทาง

ข้อเสีย: เวลาเดินทางนาน กว่าวิธีรถไฟ เพราะต้องวิ่งบนถนนที่อาจรถติด โดยเฉพาะชั่วโมงเร่งด่วนหรือถนนเข้าเมืองที่การจราจรหนาแน่น อีกทั้ง อาจมีอุปสรรคด้านภาษา – พนักงานขับรถหรือคนขายตั๋วส่วนมากพูดอังกฤษจำกัดมาก ป้ายจุดจอดตามรายทางเป็นภาษาจีนเป็นหลัก ทำให้ผู้โดยสารต่างชาติอาจสับสนถ้าไม่คุ้นเคย

ความสะดวกสำหรับคนไทย: ป้ายบอกสายรถบัสที่สนามบินมีภาษาอังกฤษกำกับ (เช่น Airport Line 2 – Jing’an Temple) สามารถสอบถามข้อมูลที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์สนามบินได้ พนักงานบางคนสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ส่วนบนรถโดยสารจะมีเสียงประกาศแต่ส่วนใหญ่เป็นภาษาจีน การซื้อตั๋ว: สายยอดนิยม (เช่น สาย 2, สาย 4) สามารถต่อคิวขึ้นรถแล้วจ่ายเงินสดให้พนักงานบนรถได้เลย แนะนำให้เตรียม เงินสดหยวน (ธนบัตรใบย่อย) ให้พอดีกับค่าโดยสาร เพราะบางครั้งพนักงานอาจไม่มีเงินทอนมาก กรณีสายที่มีเคาน์เตอร์ขายตั๋ว (จะมีป้ายบอก) ให้ซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ก่อนขึ้นรถ

เคล็ดลับ: ตรวจสอบเบอร์สายและจุดหมายของรถบัสให้ตรงกับที่ต้องการ ป้ายรถบัสสนามบินจะอยู่ที่ชั้น Arrival (ชั้นผู้โดยสารขาเข้า) มีทั้งฝั่ง Terminal 1 และ 2 ตามป้าย “Airport Bus” เช่น สาย 2 (Jing’an Temple) จะมีทั้งจุดจอดที่ T1 และ T2 – ควรสังเกตป้ายเวลารถออกของแต่ละเทอร์มินัลให้ถูกต้อง นอกจากนี้หากมาเที่ยวบินดึกหลังรถไฟหมด การใช้รถบัสกลางคืนเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและถูกกว่าแท็กซี่มาก (เช่น ไปลงใกล้ People’s Square ค่าโดยสารเพียง ~¥20) แนะนำ: เตรียมจุดหมาย/ชื่อโรงแรมเขียนเป็น ภาษาจีน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือคนขับช่วยแจ้งว่าถึงที่ไหนควรลง เพราะป้ายบางแห่งอาจไม่ชัดสำหรับนักท่องเที่ยว

 

▌4. รถแท็กซี่สนามบิน

แท็กซี่ เป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาและสะดวกสบายที่สุดในการเดินทางเข้าตัวเมืองจากสนามบินผู่ตง สามารถหาคิวแท็กซี่ได้ที่ชั้นผู้โดยสารขาเข้าของทั้ง Terminal 1 และ Terminal 2 (มีป้าย “Taxi” บอกทางไปจุดขึ้นแท็กซี่ชัดเจน ให้เดินตามป้ายไปยังเกตออกที่กำหนดแล้วจะพบเจ้าหน้าที่จัดคิว) จุดขึ้นแท็กซี่ที่ผู่ตง T1 อยู่บริเวณ ประตู 12 ชั้นผู้โดยสารขาเข้า (ออกจากอาคารแล้วเลี้ยวซ้าย) ส่วน ที่ T2 อยู่บริเวณประตู 25 ชั้นผู้โดยสารขาเข้า

เวลาเดินทาง: เข้าสู่ใจกลางเมืองใช้เวลาประมาณ ~45 นาที ในสภาพจราจรปกติ (ทางด่วนจากสนามบินเข้าเมืองประมาณครึ่งชั่วโมง บวกเวลาเดินรถในเมืองอีกเล็กน้อย) หากช่วงรถติดมาก ๆ อาจใช้เวลาใกล้เคียง 1 ชั่วโมงหรือมากกว่าได้

ค่าโดยสาร: ประมาณ ¥150–¥190 สำหรับไปย่านใจกลาง (People’s Square, Bund) ในช่วงกลางวัน ซึ่งประกอบด้วยค่าโดยสารตามระยะทาง (~¥2.7 ต่อกม.หลัง 3 กม.แรก) และรวมค่าทางด่วน (ประมาณ ¥15 สำหรับทางด่วนวงแหวนสนามบิน) ทั้งนี้ มีค่าบริการเพิ่มเติม เช่น ระยะทางเกิน 15 กม.จะคิดค่า “รถเปล่ากลับ” เพิ่มอีก 50% ของกิโลเมตรที่เกิน (เพราะวิ่งออกนอกเมืองไกล) และช่วงเวลากลางคืน 23:00-05:00 จะ บวกเพิ่ม 30% ทั้งค่าโดยสารและค่าเปิดมิเตอร์ ดังนั้นถ้าใช้แท็กซี่ดึก ๆ ค่าโดยสารถึงตัวเมืองอาจสูงถึง ~¥200–¥250 ได้ นอกจากนี้ช่วงเทศกาลใหญ่บางช่วงจะมีชาร์จเพิ่ม (ตรุษจีน +¥10, วันชาติจีน/แรงงาน +¥5)

ข้อดี: แท็กซี่ให้บริการ ตลอด 24 ชั่วโมง สะดวกมากโดยเฉพาะหากมีสัมภาระหรือเดินทางหลายคน เพราะไปถึง จุดหมายปลายทางโดยตรง (โรงแรมหรือที่เที่ยว) ไม่ต้องลากกระเป๋าขึ้นลงบันไดรถไฟหรือเปลี่ยนขบวน และในกรณีเที่ยวบินมาถึงดึกหลังรถไฟหยุดเดิน แท็กซี่คือวิธีหลักที่พาผู้โดยสารเข้าสู่เมือง

ข้อเสีย: เป็นวิธีที่ ค่าใช้จ่ายสูงที่สุด เมื่อเทียบกับขนส่งสาธารณะอื่น ๆ และค่าโดยสารอาจผันผวนตามสภาพจราจร (ถ้ารถติดมาก มิเตอร์ก็เดินตามเวลา) ช่วงชั่วโมงเร่งด่วนอาจเจอค่ารถสูง นอกจากนี้คนขับแท็กซี่ส่วนใหญ่สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจลำบากในการบอกทาง หากไม่มีที่อยู่ภาษาจีน

ความสะดวกสำหรับคนไทย: แนะนำให้เตรียม ชื่อและที่อยู่จุดหมายปลายทางเป็นภาษาจีน (เช่น พิมพ์ใส่กระดาษหรือเปิดแผนที่ที่มีภาษาจีนให้คนขับดู) เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน คนขับแท็กซี่ในเซี่ยงไฮ้มักรู้จักสถานที่หลัก ๆ ดี แต่เพื่อความชัวร์ควรมีข้อมูลภาษาจีน นอกจากนี้ควรใช้บริการที่ จุดแท็กซี่ทางการของสนามบิน เท่านั้น – หลีกเลี่ยงคนขับรถเถื่อนที่มาเดินเสนอรับผู้โดยสารในอาคาร เพราะมักคิดราคาแพงกว่ามิเตอร์หรืออาจไม่ปลอดภัย

การชำระเงิน นิยมใช้เงินสด (หยวน) โดยตรงกับคนขับ เมื่อถึงที่หมายมิเตอร์จะโชว์ค่าโดยสาร (รวมค่าทางด่วนแล้ว) คนขับจะกดปุ่มพิมพ์ใบเสร็จ (หากต้องการให้ขอ “ฟาเปียว” – ใบเสร็จจีน) แล้วรับชำระเงิน – ควรเตรียมแบงค์ย่อย ให้ใกล้เคียงจำนวนค่าโดยสาร เพราะคนขับอาจไม่มีเงินทอนจำนวนมาก อย่างไรก็ดีแท็กซี่ส่วนใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ปัจจุบันรับชำระด้วย Alipay/WeChat Pay ได้ด้วย หากผู้โดยสารมีแอปเหล่านี้ ก็สามารถสแกนจ่ายได้ (สังเกตสติ๊กเกอร์ QR ของคนขับที่แปะไว้หลังเบาะหรือถามคนขับว่า “จื้ฟู่เป่า (Alipay) ผ่ายม่?”) แต่สำหรับนักท่องเที่ยว การจ่ายสดง่ายที่สุด

เคล็ดลับ: หากเดินทางช่วงกลางคืนหลัง 23:00 น. มิเตอร์แท็กซี่จะคิดค่าโดยสารเริ่มต้นและอัตราต่อกม.แพงขึ้น 30% (เช่น มิเตอร์เริ่มต้นกลางวัน ¥14 กลางคืนจะเป็น ~¥18) ดังนั้นอย่าแปลกใจหากเห็นค่ามิเตอร์ขึ้นเร็วผิดปกติในเวลาดึก และควรเตรียมเงินไว้เผื่อเพิ่มจากเวลากลางวัน 30% นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงแท็กซี่เถื่อน (คนขับที่ไม่ไปตามคิว) – ที่ผู่ตงมีเจ้าหน้าที่ดูแลคิวแท็กซี่ที่จุดทางออกตลอด 24 ชม. เพื่อความปลอดภัยให้ใช้บริการในคิวเท่านั้น

 

▌5. แอปเรียกรถโดยสาร (DiDi Chuxing)

DiDi เป็นแอปพลิเคชันเรียกรถยอดนิยมของจีน (คล้าย Grab ในบ้านเรา) นักท่องเที่ยวสามารถใช้เรียกรถผ่านสมาร์ทโฟน แทนการต่อคิวแท็กซี่ โดยข้อดีคือสามารถระบุปลายทางในแอปได้เลย ไม่ต้องอธิบายเส้นทางกับคนขับ และค่าโดยสารคิดตามระบบของ DiDi (หลีกเลี่ยงการถูกโก่งราคา)

ที่สนามบินผู่ตงมีจุดรับผู้โดยสารสำหรับรถที่เรียกผ่านแอปโดยเฉพาะ (Ride Hailing Pickup) – เมื่อออกจากโถงผู้โดยสารขาเข้า ให้มองหาป้าย “Ride Hailing Car” (หรือสัญลักษณ์รถเรียกผ่านแอป/รถออนไลน์) ซึ่งจะนำไปยังชั้นหรือบริเวณที่รถที่เรียกมาจะเข้ามารับ (ที่ผู่ตงจุดรับ DiDi มักอยู่ชั้นล่างหรืออาคารจอดรถเชื่อมระหว่าง T1 และ T2 – มีป้ายบอกตลอดทาง)

วิธีการใช้: หากมี SIM มือถือจีน และหมายเลขจีน สามารถดาวน์โหลดแอป DiDi Chuxing (มีเมนูภาษาอังกฤษในตัว) แล้วสมัครใช้งานได้เลย ใส่จุดรับ (Pudong Airport) และจุดหมายปลายทาง (พิมพ์ชื่อสถานที่หรือที่อยู่ ควรใช้ภาษาอังกฤษหรือค้นหาภาษาจีนก็ได้ ระบบจะแสดงรายการสถานที่ให้เลือก) เลือกรูปแบบรถ (เช่น Express รถทั่วไป, Premier รถใหญ่สำหรับ 4 คนพร้อมกระเป๋า) จากนั้นกดเรียกรถ แอปจะแสดงเลขทะเบียนรถ คนขับ และเวลาที่จะมาถึง

กรณี ไม่มี SIM จีน/หมายเลขจีน: สามารถใช้ แอป Alipay แทน – Alipay มีฟังก์ชัน “DiDi Travel” ให้บริการเรียกรถได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนเบอร์จีน โดยผูกบัตรเครดิตต่างประเทศเข้ากับ Alipay ไว้ล่วงหน้า แล้วเปิดเมนู DiDi ใน Alipay เพื่อเรียกรถ กระบวนการเหมือนในแอป DiDi ตรงๆ และค่าบริการจะถูกตัดจากบัตร/บัญชีที่ผูกไว้โดยอัตโนมัติ สะดวกมากสำหรับนักท่องเที่ยว

เวลาเดินทาง & ค่าโดยสาร: ขึ้นกับสภาพจราจรเช่นเดียวกับแท็กซี่ เวลา ใกล้เคียงกัน (~45-60 นาทีถึงย่านใจกลางในเวลาปกติ) ค่าโดยสาร จะถูกประมาณโดยแอปตามระยะทาง + ช่วงเวลา (มี Dynamic Pricing หากช่วงนั้นความต้องการรถสูง) แต่โดยทั่วไปจะอยู่ในระดับเดียวกับแท็กซี่มิเตอร์ หรืออาจถูกกว่านิดหน่อยในช่วงปกติ (เช่น ~¥150 บวกลบนิดหน่อยสำหรับไปตัวเมือง) ข้อดีคือราคาแอปจะแสดงประมาณการไว้ก่อนยืนยันเรียกรถ ทำให้เราตัดสินใจได้ว่าคุ้มค่าหรือไม่

ข้อดี: สะดวกและลดปัญหาสื่อสารกับคนขับ – เราระบุจุดหมายในแอปได้เลย คนขับเห็นบนแผนที่และนำทางไปตามนั้น อีกทั้งการจ่ายเงิน ไม่ต้องใช้เงินสด เลย ระบบหักผ่านบัตร/Alipay โดยตรงเมื่อจบการเดินทาง นอกจากนี้ DiDi มักมี รถให้บริการมาก รอบสนามบิน ทำให้รอรถไม่นาน (ปกติ ~5-10 นาทีรถก็มา)

ข้อเสีย: ต้องมีอินเทอร์เน็ตบนมือถือ และควรเตรียมการสมัคร/ผูกบัตรในแอปล่วงหน้า (ทำจากที่ไทยได้ โดยโหลด Alipay และสมัคร Tourist Pass ผูกบัตรเครดิต) ซึ่งอาจดูยุ่งยากสำหรับบางคน อีกทั้ง กำแพงภาษา – แม้ไม่ต้องคุยเส้นทาง แต่บางครั้งคนขับ DiDi อาจโทรมาหาเรา เพื่อสอบถามจุดนัดรับ (เช่น หาไม่เจอหรือจะยืนยันว่าอยู่ตรงไหน) ซึ่งถ้าเราไม่พูดจีนจะสื่อสารยาก อย่างไรก็ตาม คนขับมักจะส่งข้อความผ่านแอป (ภาษาจีน) ได้ด้วย – เราสามารถใช้ฟังก์ชันแปลภาษาในแอปหรือใช้ข้อความสำเร็จรูปตอบได้

ความสะดวกสำหรับคนไทย: หากวางแผนใช้ DiDi แนะนำให้ ดาวน์โหลดแอป Alipay และ DiDi จากไทยและยืนยันตัวตนล่วงหน้า Alipay สามารถผูกกับบัตรเครดิต/เดบิตต่างชาติได้และเติมเงินเข้า Tour Pass เพื่อใช้จ่ายในจีน (รวมเรียกรถ/ขึ้นรถไฟได้) การเรียกรถผ่าน Alipay โดยไม่ต้องมีเบอร์จีนก็ทำได้เลย ทำให้สะดวกมาก การใช้งานแอป DiDi (ภาษาอังกฤษ): ในขั้นตอนสมัครจะให้ใส่เบอร์โทร – สามารถใช้เบอร์ไทยได้ แต่ระบบบางครั้งส่ง OTP ข้ามประเทศช้า; ถ้ามีเบอร์โรมมิ่งที่รับ SMS ได้ก็ใช้ได้ หรือจะใช้บริการผ่าน Alipay อย่างที่กล่าวจะง่ายกว่า

เมื่อเรียกรถแล้ว แอปจะแสดงข้อมูล รถและคนขับ เช่น ยี่ห้อ/รุ่นรถ สี เลขทะเบียนรูปแบบ 沪*XXXX (ตัวอักษรจีน 沪 หมายถึงเซี่ยงไฮ้) ให้ตรวจสอบว่าตรงกับรถที่มารับก่อนขึ้นรถเสมอ การชำระเงิน: หากใช้ Alipay/บัตรผูกไว้ ระบบจะตัดเงินอัตโนมัติเมื่อถึงที่หมาย ไม่ต้องจ่ายเงินสดใด ๆ คนขับอาจขอดู “รหัสยืนยัน” 4 หลักบนแอปของผู้โดยสารก่อนเริ่มเดินทาง (เพื่อยืนยันตัว) – รหัสนี้คือเลข 4 ตัวท้ายของเบอร์โทรที่ลงทะเบียน (เช่น ถ้าใช้เบอร์ไทยก็ใช้ 4 ตัวท้ายเบอร์ไทยเรา) ก็บอกหรือยื่นให้คนขับดู

เคล็ดลับ: หลังลงเครื่อง ควรต่อ Wi-Fi สนามบินหรือเปิดโรมมิ่งมือถือ ให้พร้อม ก่อนถึงคิว ตม. ก็สามารถกดเรียกรถล่วงหน้าได้ (ตั้งเวลาเรียกเมื่อคิดว่าจะรับกระเป๋าและออกมาแล้ว) จะได้ไม่ต้องรอนาน เมื่อออกจากโถงผู้โดยสารขาเข้า ให้เดินตามป้าย “Ride Hailing” ไปยังจุดนัด ผู้ใช้ Alipay/DiDi สามารถส่งข้อความคนขับ (ข้อความอัตโนมัติ) เป็นภาษาจีนเช่น “ฉันกำลังเดินไปจุดรับแล้ว” ได้ ในกรณีหาไม่เจอกัน หากกังวลเรื่องสื่อสาร เตรียมรูปจุดนัดรับหรือให้เจ้าหน้าที่สนามบินช่วยบอกคนขับให้ได้

 

▌6. บริการรถรับส่งส่วนตัว / รถเช่าส่วนตัวพร้อมคนขับ (Private Transfer / Shuttle)

สำหรับผู้เดินทางเป็นกลุ่ม หรือมีสัมภาระมาก และต้องการความสะดวกสบายสูงสุด บริการรถรับส่งส่วนตัว เป็นตัวเลือกที่ดี สามารถจองล่วงหน้าผ่านบริษัททัวร์ เว็บไซต์การท่องเที่ยว (เช่น Klook, ) หรือผ่านโรงแรมที่พัก บริการนี้จะมีคนขับมารอรับท่านที่สนามบินพร้อมป้ายชื่อ แล้วพาไปส่งถึงจุดหมายปลายทางโดยตรง

ประเภทบริการ: มีทั้งแบบ Private Car (รถเก๋งหรือแวนส่วนตัว สำหรับ 1-3 คน), Private Van (รถตู้สำหรับกลุ่มใหญ่ขึ้น 4-6 คน) หรือ Shared Shuttle (รถตู้ร่วมกับผู้โดยสารอื่น ราคาต่อคนถูกลง แต่ต้องรอเวลารวมกลุ่ม) – ส่วนมากนักท่องเที่ยวไทยจะเลือกแบบเหมาคันส่วนตัวเพื่อความสะดวก

เวลาเดินทาง: ใกล้เคียงแท็กซี่ (ประมาณ 45–60 นาที ถึงใจกลางเมือง ขึ้นกับจราจร) เนื่องจากใช้เส้นทางถนนเหมือนกัน

ค่าใช้จ่าย: สูงกว่าแท็กซี่มิเตอร์ เนื่องจากเป็นบริการเฉพาะ จ่ายเหมาเป็นเที่ยวล่วงหน้า ราคาตัวอย่าง เริ่มต้นประมาณ US$40 ต่อรถยนต์ 1 คัน (นั่งได้ 1-2 คน) หรือประมาณ ¥300+ (ขึ้นกับจำนวนผู้โดยสารและประเภทรถที่เลือก) ยิ่งรถใหญ่ราคายิ่งสูง หรือบางผู้ให้บริการคิดเป็นรายหัวเช่น ~US$20-25 ต่อคนสำหรับรถตู้แชร์กับผู้อื่น อย่างไรก็ตาม ข้อดีคือไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแม้รถติด และไม่ต้องจ่ายค่าทางด่วนแยกต่างหาก (รวมในค่าบริการแล้ว)

ข้อดี: สะดวกสบายมากที่สุด – คนขับจะมา รอรับถึงในอาคารผู้โดยสาร (ถือป้ายชื่อผู้โดยสาร) ตั้งแต่ก่อนเวลาที่นัดไว้ ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องหลงทางหรือไปหาจุดขึ้นรถเอง เหมาะกับผู้ที่ไม่ชำนาญภาษาหรือเดินทางกับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ/เด็ก นอกจากนี้ยัง รวมค่าทางด่วนและทิป แล้ว ไม่ต้องวุ่นวายจ่ายอะไรเพิ่ม ณ วันเดินทาง

ข้อเสีย: ราคาสูง เมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่น (โดยเฉพาะถ้าเดินทางคนเดียวหรือสองคน ค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าแท็กซี่ชัดเจน) และจำเป็นต้องจองล่วงหน้า ไม่สามารถเรียก ณ เวลานั้นได้เลยเหมือนแท็กซี่หรือ DiDi

ความสะดวกสำหรับคนไทย: บริการนี้สามารถจองผ่านเว็บไซต์ที่มีภาษาไทยหรืออังกฤษได้ เช่น Klook มีหน้าเว็บให้เลือกสนามบินผู่ตง -> ตัวเมือง เลือกประเภทยานพาหนะ จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต ได้ใบยืนยันการจองทันที เมื่อนัดหมายแล้ว ในวันเดินทางคนขับมักจะมาถึงก่อนเวลาและส่งข้อความหรือโทรหายืนยัน (หากได้ข้อมูลติดต่อผู้โดยสาร) ภาษา: คนขับรถรับส่งส่วนตัวบางคนอาจพูดอังกฤษพื้นฐานได้ หรืออาจไม่ได้เลย แต่เนื่องจากได้รับข้อมูลเส้นทางและที่อยู่จากศูนย์แล้ว ผู้โดยสารไม่ต้องบอกทาง คนขับจะขับไปตามที่ได้รับมอบหมาย

เคล็ดลับ: หลังผ่านศุลกากรและเดินออกมา จะพบคนขับถือป้ายชื่อ หากมองไม่เห็น ให้โทรตามหมายเลขติดต่อที่ผู้ให้บริการแจ้งไว้ (หรือให้คนจีนบริเวณนั้นช่วยโทรให้) และ ตรวจสอบชื่อ-ป้ายให้ตรงกับที่จอง ก่อนขึ้นรถ เช่นเดียวกับแท็กซี่ ควรคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง และสามารถขอใบเสร็จหรือหลักฐานการเดินทางจากผู้ให้บริการล่วงหน้าได้หากต้องใช้

 

 

 

 

สนามบินนานาชาติหงเฉียว (SHA) → ตัวเมืองเซี่ยงไฮ้

wikipedia.com

สนามบินหงเฉียวตั้งอยู่ในตัวเมืองมากกว่า (ทางตะวันตก) ส่วนใหญ่ให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศจีน แต่หากนักท่องเที่ยวไทยเดินทางต่อเครื่องภายในประเทศ หรือบางสายการบินอาจมีไฟลท์มาลงหงเฉียว ก็สามารถเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองได้สะดวก ระยะห่างเพียง ~13 กม. ทำให้เดินทางเร็วและถูกกว่าสนามบินผู่ตงหลายเท่า

 

▌1. รถไฟใต้ดิน (Metro สาย 2 และสาย 10)

สนามบินหงเฉียวมีรถไฟใต้ดินเชื่อมถึง 2 สาย ได้แก่ สาย 2 (สถานีอยู่ที่ Hongqiao Terminal 2) และ สาย 10 (สถานีที่ Terminal 1 และเชื่อมถึง Terminal 2 ชั้นใต้ดิน) นักท่องเที่ยวสามารถใช้สายเหล่านี้เข้าสู่ย่านใจกลางได้อย่างรวดเร็ว:

Metro สาย 2 (สีเขียว): จาก Hongqiao T2 วิ่งตรงผ่านสถานี Jing’an Temple, West Nanjing Road, People’s Square, East Nanjing Road (เชื่อมต่อ The Bund) เหมือนส่วนต่อจากสาย 2 ที่มาจากผู่ตง ดังนั้นถ้าเป้าหมายคือ People’s Square หรือ Nanjing Road แนะนำขึ้นสาย 2 สุดทางเข้าเมือง ใช้เวลาประมาณ 35 นาที ถึง People’s Square ค่าโดยสาร ~¥5

Metro สาย 10 (สีม่วง): สายนี้ผ่าน Hongqiao Terminal 1 & 2 แล้วมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองฝั่งใต้ ผ่านย่านสำคัญอย่าง 上海动物园 (สวนสัตว์เซี่ยงไฮ้), Hongqiao Road, Xintiandi, Yuyuan Garden, และไปสุดสายที่ Xinjiangwancheng ทางเหนือ สายนี้เหมาะหากต้องการไปยัง ย่าน Old Town/Yu Garden หรือ The Bund เพราะสามารถลงที่สถานี East Nanjing Road (สาย 10 ผ่านสถานีนี้) ซึ่งอยู่ใกล้ The Bund ใช้เวลา ~45–50 นาที หรือหากไป Xintiandi ก็ลงสถานีชื่อเดียวกันได้ (~35 นาที) ค่าโดยสารใกล้เคียงกัน ~¥5-6

เวลาให้บริการ: สาย 2 จาก Hongqiao T2 เที่ยวแรก ~05:30 น. และเที่ยวสุดท้าย ~22:45 น. ส่วนสาย 10 เที่ยวแรก ~05:35 น. (จาก Hongqiao) และเที่ยวสุดท้าย ~22:30 น. (เวลาอาจแตกต่างเล็กน้อยตามสถานีที่ขึ้น) ความถี่รถไฟ 6–12 นาทีต่อขบวนทั้งสองสาย

ข้อดี: รวดเร็วและราคาถูกมาก – จากหงเฉียวถึงใจกลางเมืองไม่เกิน 40 นาที ค่าโดยสารไม่ถึง ¥10 และ สถานีรถไฟฟ้าอยู่ในสนามบินเลย ทั้ง T1 และ T2 เดินเชื่อมไม่กี่นาทีก็ถึง ไม่ต้องออกนอกอาคาร สนามบินหงเฉียวยังได้เปรียบตรง สาย 10 และสาย 2 เชื่อมต่อหลายย่านหลัก เช่น Jing’an, Nanjing Road, Lujiazui, Xintiandi โดยตรง (อาจไม่ต้องเปลี่ยนสายเลย ขึ้นอยู่กับจุดหมาย)

ข้อเสีย: เช่นเดียวกับ Metro ทั่วไป – แออัดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน โดยเฉพาะสาย 10 ผ่านย่านทำงานตอนเช้าเย็น รวมถึง เวลาให้บริการจำกัด ถึงประมาณ 22:30-23:00 น. เท่านั้น (หลังจากนั้นต้องใช้แท็กซี่หรือวิธีอื่น)

ความสะดวกสำหรับคนไทย: ระบบ Metro ที่หงเฉียวเหมือนกับที่ผู่ตง คือมีป้ายและประกาศภาษาอังกฤษ บริเวณทางเข้ารถไฟใต้ดินที่สนามบินมีตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติและเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ คิวน้อยกว่าที่ผู่ตงเพราะคนใช้ไม่เยอะเท่าผู่ตง การซื้อตั๋ว: หากเดินทางในตัวเมืองบ่อย อาจพิจารณาซื้อบัตรเติมเงิน Shanghai Public Transportation Card จากตู้ออกบัตร/เคาน์เตอร์ที่สถานี (ค่ามัดจำ ¥20 เติมเงินตามต้องการ ใช้แตะเข้าออกได้ทุกระบบขนส่ง) หรือซื้อเป็นเหรียญเที่ยว ๆ ไปก็ได้โดยใส่เงินสดที่ตู้

เคล็ดลับ: สนามบินหงเฉียวมี 2 อาคาร หากลง Terminal 2 (ไฟลท์ในประเทศส่วนใหญ่) จะสะดวกมากเพราะมีสถานี สาย 2 และสาย 10 อยู่ชั้นใต้ดินของอาคารเดียวกันเลย (เดินตามป้าย “Metro” ลงไป) แต่ถ้าลง Terminal 1 (ซึ่งมีไฟลท์บางส่วนนอกประเทศ/ภายใน) สามารถขึ้นสาย 10 จาก T1 ได้โดยตรง หรือหากต้องการขึ้นสาย 2 ต้องนั่งรถชัทเทิลไป T2 หรือนั่งสาย 10 ไป 1 สถานีแล้วเปลี่ยนสาย 2 ที่สถานี Hongqiao Railway Station ก็ได้ ดังนั้นตรวจสอบอาคารที่มาถึงและวางแผนสายรถให้ถูก นอกจากนี้ช่วงคนเยอะควรระวังกระเป๋าสัมภาระ และหลีกเลี่ยงขึ้นตู้ขบวนแรก/ท้ายที่มักแน่นมาก เลือกตู้กลาง ๆ จะมีที่ยืนมากกว่า

 

▌2. รถบัสโดยสาร (สายเมือง & รถประจำทาง)

สนามบินหงเฉียวมีรถประจำทางให้บริการเช่นกัน แม้คนส่วนใหญ่จะนิยมขึ้นรถไฟใต้ดินหรือแท็กซี่เพราะสะดวกกว่า แต่สำหรับบางเส้นทางหรือช่วงเวลารถไฟหมด การนั่งรถเมล์ก็เป็นทางเลือก:

รถประจำทางสาย 941: เป็นสายที่มีชื่อเสียงเพราะวิ่งจาก Hongqiao Airport T1 ผ่านใจกลางเมืองไปจบที่ สถานีรถไฟเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Railway Station) สายนี้ผ่านย่านอย่าง Hongqiao Development Zone, Jing’an Temple, ถนนเหวยไห่ (West Nanjing Rd ตอนต้น) แล้วไปสถานีรถไฟ ใช้เวลาประมาณ 30-50 นาที (ขึ้นกับจราจร) ค่าโดยสารประมาณ ¥5

สายอื่น ๆ: เช่น สาย 316, สาย 807 ฯลฯ ที่เชื่อมต่อสนามบินกับย่านใกล้เคียง อย่างไรก็ตามสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ การใช้รถเมล์ในเซี่ยงไฮ้จะยากกว่าเพราะต้องรู้ป้ายลงและชื่อป้ายเป็นภาษาจีน

Airport Shuttle: ฝั่งหงเฉียวเองมีรถบัสสนามบินสายพิเศษเช่นกัน เช่น สาย Hongqiao Shuttle Bus ไปยังจุดสำคัญ แต่เนื่องจากสนามบินอยู่ไม่ไกล ตัวเลือกนี้ไม่ค่อยถูกเน้นเท่าของผู่ตง (หลายครั้งคนจะใช้แท็กซี่มากกว่าเนื่องจากราคาไม่ต่างกันมากในระยะทางสั้นๆ)

เวลาให้บริการ: โดยทั่วไปรถเมล์เมืองที่สนามบินหงเฉียวเริ่มวิ่งราว 06:00 น. และหมดประมาณ 22:00 น. (ขึ้นกับสาย) ความถี่ ~15-30 นาทีต่อคัน

ระยะเวลา & ค่าโดยสาร: ส่วนใหญ่ ~30–60 นาที ถึงใจกลาง (เช่นสาย 941 ~45 นาทีถึงสถานีรถไฟ) ค่าโดยสารถูกมาก ¥2–¥6 เท่านั้น

ข้อดี: ราคาถูกที่สุด (ไม่ถึง ¥10) และไม่ต้องลากกระเป๋าลงบันไดหรือต่อรถไฟ หากสายรถเมล์นั้นไปถึงจุดหมายของเราพอดี ถือว่าสะดวกและตรงจุด เช่น นั่งยาวถึงสถานีรถไฟแล้วเดินต่อหรือนั่งแท็กซี่ต่อไม่ไกล

ข้อเสีย: ภาษาและความเข้าใจเส้นทาง – ป้ายรถเมล์และรายละเอียดเส้นทางเป็นภาษาจีน ทำให้ผู้ที่ไม่ชำนาญพื้นที่อาจลงป้ายผิดหรือไม่มั่นใจว่าจะลงตรงไหน อีกทั้งรถเมล์ไม่เอื้อสำหรับกระเป๋าเดินทางใหญ่ (ไม่มีที่วางเฉพาะ ต้องถือหรือวางเบียดที่นั่ง)

ความสะดวกสำหรับคนไทย: หากไม่ชำนาญภาษาจีน แนะนำให้เลี่ยงการขึ้นรถเมล์เดี่ยวๆ จากสนามบินหงเฉียว ยกเว้นมีคนท้องถิ่นแนะนำไปด้วย เพราะแม้ราคาจะถูกแต่ความเสี่ยงหลงทางสูง กรณีจำเป็นต้องขึ้น: ควรเตรียมชื่อป้ายที่จะลงเป็นภาษาจีนและถาม/ยื่นให้คนขับดูเมื่อตอนขึ้นรถ เพื่อให้เขาช่วยบอกเมือถึง (คนขับบางคนยินดีช่วย) และเตรียมเงินสดเป็นเหรียญ/แบงค์ย่อยใส่กล่องค่าโดยสาร (ไม่มีทอน) เช่น ค่าโดยสาร ¥5 ใส่ธนบัตรหรือเหรียญให้พอดี

เคล็ดลับ: สำหรับเส้นทางยอดนิยมอย่างสาย 941 (Hongqiao – Jing’an – Railway Station) หากมีสัมภาระไม่มากและอยากประหยัด สามารถลองใช้ได้ โดยขึ้นจากป้าย สนามบิน T1 ประตู 6 (ถ้ามาจาก T2 ให้นั่งรถรับส่งฟรีหรือรถไฟใต้ดิน 1 สถานีมาลง T1 ก่อน) แล้วคอยสังเกตป้ายประกาศบนรถหรือเปิดแผนที่ GPS ของตนเองควบคู่ จะช่วยให้รู้ว่าใกล้ถึงที่หมายหรือยัง

 

▌3. รถแท็กซี่สนามบิน

แท็กซี่จากสนามบินหงเฉียวเป็นวิธีที่ง่ายและเร็ว เนื่องจากระยะใกล้ ค่าโดยสารไม่สูงนัก จุดขึ้นแท็กซี่ ที่ Hongqiao Terminal 2 อยู่ที่ชั้นผู้โดยสารขาเข้า ประตู 4 และ 8 (เดินตามป้าย “Taxi” ออกไป) ส่วน Terminal 1 มีจุดขึ้นด้านนอกอาคารเช่นกัน โดยมีเจ้าหน้าที่คอยจัดคิว

เวลาเดินทาง: โดยเฉลี่ย ~30 นาที ก็ถึงย่านใจกลางอย่าง People’s Square หรือ The Bund ในช่วงที่ถนนโล่ง หากเป็น ชั่วโมงเร่งด่วนอาจใช้เวลา ~45-60 นาที เพราะถนนในเมืองติดขัด (โดยเฉพาะถนนยานอันที่มุ่งสู่ตัวเมืองจากหงเฉียว)

ค่าโดยสาร: ประมาณ ¥100–¥150 ช่วงกลางวัน (ระยะทาง ~13-18 กม. เข้าตัวเมือง) หากรถติดมาก มิเตอร์อาจพุ่งถึง ~¥180 ได้ ในช่วงกลางคืน 23:00-05:00 บวกเพิ่ม 30% เช่นเดียวกับผู่ตง แต่เนื่องจากระยะใกล้ ค่าโดยสารกลางคืนมักอยู่ราว ¥130-180 ไม่เกินนี้ กรณีไปย่านใกล้สนามบินกว่านั้น (เช่น Hongqiao <-> เขต Hongkou) ราคาก็จะต่ำกว่าช่วงที่บอก

ข้อดี: รวดเร็วและสะดวกสบาย – จากหงเฉียวการนั่งแท็กซี่เข้าเมืองถือว่าเร็วมากเพราะใกล้ หากเดินทางเป็นกลุ่ม 2-3 คน ค่าใช้จ่ายหารกันก็ไม่ต่างจากนั่งรถไฟใต้ดินเท่าไร (โดยเฉพาะถ้ามีกระเป๋าใหญ่ แท็กซี่จะสะดวกกว่ามาก) นอกจากนี้หงเฉียวมีแท็กซี่ให้บริการตลอดทั้งวัน ไม่ต้องรอนาน

ข้อเสีย: ราคาแพงกว่าขนส่งสาธารณะ แต่เมื่อเทียบกับผู่ตงแล้วถูกกว่ามาก (~¥100+ เทียบกับ ~¥180+) ข้อควรระวังคือหากเดินทางช่วงเช้า-เย็นวันทำงาน การจราจรเข้าเมืองจะหนาแน่น ทำให้เวลาเดินทางนานขึ้น

ความสะดวกสำหรับคนไทย: เช่นเดียวกับแท็กซี่ที่ผู่ตง – ควรเตรียม ที่อยู่/ชื่อโรงแรมเป็นภาษาจีน ให้คนขับดู สนามบินหงเฉียวอยู่ในเมือง คนขับทุกคนย่อมรู้จักย่านดังอย่าง People’s Square หรือ The Bund แต่ถ้าเป็นที่พักเฉพาะเจาะจง แสดงชื่อภาษาจีนจะชัวร์กว่า การจ่ายเงิน ใช้เงินสดหยวน หรือหากมี Alipay/WeChat จะลองถามคนขับว่าจ่ายผ่านแอปได้ไหมก็ได้ (แท็กซี่เซี่ยงไฮ้ส่วนมากรองรับ)

เคล็ดลับ: สำหรับ Terminal 2 จะมีผู้โดยสารใช้บริการเยอะเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นจุดรวมรถไฟความเร็วสูงและรถไฟใต้ดินด้วย แนะนำรีบต่อคิวแท็กซี่หากเห็นคิวเริ่มยาว หลีกเลี่ยงรถเถื่อน: บางครั้งที่หงเฉียวจะมีคนมายืนเสนอ “แท็กซี่” ในราคาคงที่ – ไม่ควรใช้เด็ดขาด ให้ต่อคิวรถสีเขียวมิเตอร์เท่านั้นเพื่อความปลอดภัยและได้ราคายุติธรรม

 

▌4. แอปเรียกรถ (DiDi)

การใช้ DiDi ที่สนามบินหงเฉียวมีลักษณะเดียวกับที่ผู่ตง กล่าวคือ หากท่านมีซิมการ์ดจีนหรือ Alipay ก็สามารถเรียกรถผ่านแอปได้ จุดรับรถที่หงเฉียวจะมีป้าย “Ride Hailing” เช่นกัน (ที่ Terminal 2 จะอยู่ชั้นใต้ดินลานจอดรถฝั่งตรงข้ามอาคาร) ให้เดินตามป้ายไป

เวลา & ค่าโดยสาร: เนื่องจากระยะใกล้ ค่าโดยสารผ่าน DiDi จะถูกกว่าไปผู่ตงมาก โดยทั่วไปจากหงเฉียวเข้าย่านกลางเมืองอาจอยู่ที่ ~¥60–¥120 ขึ้นกับระยะทางและสภาพจราจร (ถ้าไปแค่ Jing’an Temple อาจ ~¥50-60, ถ้าไปถึง Pudong ฝั่งตะวันออกไกลๆ อาจ ~¥120+) ระยะเวลาเดินทางก็ ~30 นาที (เหมือนแท็กซี่)

ข้อดี: สะดวก ไม่ต้องต่อคิว และหงเฉียวมีรถ DiDi วนอยู่เยอะเพราะเป็นจุดจอดรถรับผู้โดยสารในเมืองอยู่แล้ว รอไม่นาน คนขับส่วนใหญ่คุ้นเคยเส้นทางในเมือง

ข้อเสีย: เช่นเดียวกับที่ผู่ตง – ต้องมีอินเทอร์เน็ตและแอป/Alipay พร้อมใช้งาน และคนขับอาจโทรเข้ามือถือที่ลงทะเบียน (ซึ่งถ้าเป็นเบอร์ไทยอาจโทรไม่ได้) ดังนั้นถ้าใช้วิธีนี้ควรลงทะเบียนด้วยเบอร์ที่ติดต่อได้ในจีน

ความสะดวกสำหรับคนไทย: ถ้าเดินทางจากไทยมาแล้วมี SIM จีนหรือ eSIM จีนสำหรับเน็ต จะยิ่งง่ายในการใช้ DiDi (เพราะรับสายได้) แต่หากไม่มี แนะนำใช้ผ่าน Alipay เหมือนกรณีผู่ตง (เพื่อเลี่ยงการต้องใช้ OTP เบอร์จีน) การผูกบัตรเครดิตต่างประเทศกับ Alipay ล่วงหน้าจะช่วยให้เรียกรถได้ราบรื่น

เคล็ดลับ: เปรียบเทียบสถานการณ์ ณ ตอนนั้น – ถ้าเห็นคิวแท็กซี่สั้น การขึ้นแท็กซี่อาจเร็วกว่าเรียก DiDi (เพราะ DiDi ต้องเดินไปจุดรับ) แต่ถ้าคิวแท็กซี่ยาวหรือช่วงดึกที่แท็กซี่น้อย การใช้ DiDi จะช่วยให้ได้รถเร็วกว่า ตรวจสอบค่าโดยสารโดยประมาณในแอป หากช่วงนั้นมี Peak Pricing สูงผิดปกติ (บางทีช่วงฝนตกหนักหรือดึกๆ) อาจเลือกเดินไปต่อแท็กซี่แทนก็ได้เพื่อประหยัดเงิน

 

▌5. บริการรถรับส่งส่วนตัว

แม้ว่าสนามบินหงเฉียวจะใกล้เมือง แต่ก็มีบริการ Private Transfer เช่นเดียวกับผู่ตง สำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสูงสุด สามารถจองรถล่วงหน้าให้มารอรับได้ ราคาจะถูกกว่าผู่ตงเล็กน้อยเนื่องจากระยะสั้นกว่า (โดยบางผู้ให้บริการคิดเริ่มต้น ~US$25 ต่อคน สำหรับรถเก๋งรับจากหงเฉียว) หรือเหมาจ่าย ~¥200-250 ต่อรถเก๋ง 1 คัน ถึงตัวเมือง

ข้อดี: ไม่ต้องหารถเองเลย คนขับรอท่านพร้อมป้ายชื่อและพาเดินไปขึ้นรถ ใช้เวลาเดินทางใกล้เคียงแท็กซี่ (~30 นาที) เหมาะกับนักธุรกิจที่ต้องการความรวดเร็วหรือครอบครัวที่มีของเยอะ

ข้อเสีย: ราคาสูงกว่าแท็กซี่ในระยะทางแค่นี้ (ถ้าเดินทาง 1-2 คนอาจไม่คุ้ม) และต้องนัดหมายล่วงหน้า

ความสะดวก: จองผ่านระบบออนไลน์ได้ มีทีมงานบางแห่งที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ เตรียมพร้อมเรื่องเวลาไฟลท์ดีเลย์ (หลายเจ้าจะเช็คไฟลท์และรอได้หากดีเลย์) การจ่ายเงินทำผ่านบัตรเครดิตออนไลน์ ช่วยลดขั้นตอนหน้างาน

เคล็ดลับ: ถ้าเดินทางเป็นกลุ่มใหญ่ 4 คนขึ้นไป การเหมารถส่วนตัวจากหงเฉียวอาจคุ้มค่าเพราะหารแล้วพอ ๆ กับแท็กซี่ 2 คัน และสะดวกกว่า ไม่ต้องแยกกันขึ้นรถหลายคัน

 

 

 

 

โดยรวมแล้ว การเดินทางจากสนามบินทั้งสองแห่งของเซี่ยงไฮ้มีทางเลือกหลากหลาย สำหรับสนามบินผู่ตง (PVG) ซึ่งอยู่ไกลกว่า วิธีที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวไทยคือ รถไฟ Maglev+Metro หากต้องการความรวดเร็ว (ประมาณครึ่งชั่วโมงถึงเมือง) หรือ รถไฟใต้ดินสาย 2 หากต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย (ไม่ถึง ¥10) ส่วนผู้ที่มีกระเป๋าเยอะหรือเดินทางดึก แท็กซี่ และ DiDi เป็นตัวเลือกที่สะดวกกว่า แม้ราคาสูงแต่พาเข้าถึงโรงแรมโดยตรง นอกจากนี้ รถบัสสนามบิน ก็เป็นทางเลือกที่ดีและประหยัด โดยเฉพาะ สายกลางคืน ที่ช่วยแก้ปัญหาหลังรถไฟหมด สำหรับ สนามบินหงเฉียว (SHA) เนื่องจากอยู่ใกล้เมือง รถไฟใต้ดินสาย 2/10 เป็นวิธีที่ทั้งเร็วและถูกมาก (ประมาณครึ่งชั่วโมงถึงย่านดัง) หากสะดวกเวลารถไฟยังเปิด แนะนำให้ใช้เพราะคุ้มค่า แต่ถ้ามีสัมภาระหรือเดินทางหลายคน แท็กซี่/DiDi จากหงเฉียวก็ราคาไม่แพงเกินไปและสะดวกสบาย

สุดท้ายนี้ นักท่องเที่ยวไทยควรเตรียมตัวด้าน แอปพลิเคชัน ที่จะใช้ เช่น แอป Metro 上海地铁 (มีแผนที่เส้นทางและเวลาเดินรถ), แอป DiDi Chuxing (หรือใช้ผ่าน Alipay) และ Alipay/WeChat Pay สำหรับการชำระเงินแบบไร้เงินสดในจีน การมี ซิมอินเทอร์เน็ต/eSIM จีน จะช่วยเพิ่มความสะดวกอย่างมาก นอกจากนี้ควรพก เงินสดหยวน ติดตัวในจำนวนพอสมควร (ค่าโดยสารขนส่งสาธารณะ, จ่ายแท็กซี่) เพราะบางครั้งช่องทางดิจิทัลอาจมีติดขัด การรู้ คำศัพท์จีนพื้นฐาน เช่น ชื่อสถานที่หรือประโยคง่าย ๆ และการมีที่อยู่โรงแรม ภาษาจีน เตรียมไว้ จะช่วยให้การเดินทางจากสนามบินเข้าสู่เมืองเซี่ยงไฮ้เป็นไปอย่างราบรื่นและไร้กังวลครับ

 

 

 

 

 


 

>>> แนะนำ ที่เที่ยว เซี่ยงไฮ้ สวย ฮิต ห้ามพลาด <<<

Photo from https://www.pexels.com/photo/oriental-pearl-tower-photo-683419/

 

 

 

 


Exit mobile version